วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวชมน้ำท่วมพระนคร

สืบเนื่องจากการเกิดน้ำท่วมโดยไม่มีใครคาดคิดที่โคราช ทำให้เป็นประเด็นร้อนที่น่าติดตาม ผู้หญิงอยากรู้อย่างหนิง เลยชวนพี่อ๊อดที่ก็อยากรู้ ไปดูเหตุการณ์น้ำท่วมด้วยกัน

การท่องเที่ยวโดยไม่ได้กำหนด เกิดขึ้น ในสายของวันทำงาน แต่สองสาวก็เดินทางออกจากบ้านโดยรถสาธารณะ ระดับคนมีตังค์เขาใช้บริการ แท๊กซี่ถูกเรียกจากหน้าปากซอยบ้
านหนิง มุ่งตรงไปยังปากคลองตลาด หนิงกะพี่อ๊อด นั่งคุยกันจ๊อกแจ๊กหลังคนขับ โดยลุงคนขับพาขึ้นทางด่วน ไปลงยมราช รถสายวันนี้ไม่ได้ติดมากมาย แค่ติดแบบเมืองๆเท่านั้น เรานั่งคุยกันไป จนลุงคนขับเลี้ยวรถผ่านมนต์นมสด หนิงเลยนึกออกว่าเราไม่ควรไปปากคลอง แต่ควรหาอะไรทานในที่เหมาะสม หนิงนึกไปถึงร้านอาหารที่เคยทานใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ หนิงบอกให้ลุงกลับรถไปอีกทาง หนิงกับพี่อ๊อดลงจากรถ พี่อ๊อดนะงงแน่ๆ เพราะไม่เคยมา แต่หนิงออกอาการสับสนนิดหน่อย แล้วก็เลยไปถามทางแม่ค้าดีกว่า ว่าวัดราชบพิตรไปทางไหน แม่ค้าผู้ใจดีบอกว่าเลยธนาคารก้ถึง ฮ่ะฮ่ะ แค่ 20 เมตรเอง

เราเดินเลยมาอีก บนถนนตะนาว จนในที่สุดเรามาเจอถนนแพร่งภูธร ถนนนี้พี่อ๊อดบอกว่าอยากมานานแล้ว เพราะเห็นออกทีวีว่ามีของกินดีๆ หนิงเดินนำพี่อ๊อดมาเจอที่ที่หนิงอยากพามา คือร้าน โชติจิตร ร้านนี้หนิงมาลิ้มลองเมื่อปีก่อน เป็นร้านอาหารไทยเล็กๆ ที่ทำอาหารเฉพาะโต๊ะ และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ที่ร้านมีพี่สาวคนหนึ่งเป็นแม่ครัว และมีคุณป้าไปคนรับ order หนิงกับพี่อ๊อดสั่งอาหาร มา3อย่าง มีกุ้งกระเทียมพริกไทย เราสั่งกุ้งเล็ก ปลาทอดกับยำมะม่วง และต้มข่าเนื้อเค็ม อาหารกว่าจะมา หนิงกับพี่อ๊อดก็รู้จักกันมากขึ้น จริงๆแล้วหนิงกับพี่อ๊อดเหมือนคนที่เดินมาเจอกัน แล้วถูกอกถูกใจ ชอบอะไรที่เหมือนๆกัน เลยเดินมาด้วยกัน

พี่อ๊อดเล่าว่าในแพร่งภูธร ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยอีกเจ้า เรานั่งคุยกันจนในที่สุดอาหารเราก็มา อาหารอร่อยถูกปาก จะติดขัดก้แต่ต้มข่าที่ยังไม่ได้ดังใจ

เรานั่งทานจนอิ่มหน่ำ ป้าเจ้าของร้านบอกเราว่าถ้าเป็นกุ้งใหญ่ทอดกระเทียมจะอร่อยกว่านี้ ส่วนปลาที่ทอดกินกับยำมะม่วงคือปลาเก๋านั้นเอง เรา
สนทนากับป้านิดหน่อย ดูป้าใจดี แต่ก็ดูมีอำนาจอยู่ในที

หลังอาหารเราออกเดินเข้าไปดูในชุมชนนั้น ครั้งหนึ่งที่หนิงไปที่นั้นเป็นช่วงมืดค่ำ เลยเห็นอะไรไม่ถนัดตา วันนี้ที่เดินเข้าไป หนิงรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่พบเห็น บ้านเรือนแถวนั้น ยังคงสภาพดั่งเดิมอยู่ อย่างไม่น่าเชื่อ หากได้รับการซ่อมแซมเสียหน่อย ชุมชนนี้ ขายได้เลยทีเดียว ชาวบ้านแถวนั้นมีหลากหลายอาซีพ ทั้งขายอาหาร ขายเสื้อผ้า หรือแม้แต่ช่างรถ เราแอบเห็นสิ่งก่อสร้างที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ แต่ยังดูไม่ออกว่ามันสามารถอยู่ได้อย่างกลมกลืนกับสิ่งปลูกสร้างเดิมไหม หากมันแตกต่าง ก็อยากจะบอกผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ทีหน้าทีหลังช่วยถ่างตาและเปิดโลกทัศน์ท่านให้มันมากกว่านี้นะจ๊ะ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป

เราเดินมาเจอร้านขายไอติม ร้านนี้พ่อต้องชอบแน่ๆ เพราะขายไอติมกะทิแบบดั่งเดิม ไม่ผสมแป้ง กินแล้วชื่นใจ หนิงกับพี่ อ๊อดก็จัดกันไป

เราทักทายกับครอบครัวผู้ดีครอบครัวหนึ่งที่ไปเดินเล่นแถวนั้น เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้อยู่เมืองไทย เพราะเราทำท่าเหมือนนักท่องเที่ยวมากกว่า การที่เราได้ทักทายพูดคุยกับคนแถวๆนั้น เราสองคนรู้สึกดีที่คนไทยยังยิ้มและทักทายกัน แม้ในเมืองใหญ่ เพราะหนิงจะเจอการทักทายยิ้มแย้มมากกว่าในต่างจังหวัด

เราสองคนเริ่มที่จะสนุกกับการท่องเที่ยวในวันนี้ หนิงถามพี่อ๊อดว่า เดินไปท่าน้ำไหม พี่อ๊อดยินดีไม่มีอิดออด เราเดินตัดออกมาทางคลองด้านหลังกระทรวง เดินเลยมาจนถึงพระมหาราชวัง เราเดินเลาะ ไปทางสวนสราญรมย์ และเราก้เห็นรถที่ก.ท.ม. นำมาให้เช้า ดูแล้วสภาพดีจัง น่าปั่น แต่รถในเมืองเยอะเกินไปสำหรับพี่อ๊อด เราเลยเลือกที่จะเดินต่อ

เราข้ามถนนไปทางท่าเตียน ผ่านวัดโพธิ์ มองเห็นรถใหญ่จอดกันเต็ม ข้างในคงมีแต่ชาวต่างชาติ เราเดินผ่านไปเพราะวันนี้ไม่ได้มีประสงค์จะเข้าวัดนี้

หนิงชะเง้อมองหาน้ำ จนไปเจอเอาท่านึง เห็นน้ำเอ่อนอง สองสาวเดินเข้าไปดู เห็นน้ำล้นมาตรงท่าเรือ มีกระสอบทรายวางกั้นไว้แล้ว และยังเห็นรถบรรทุก กำลังลำเลียงกระสอบทราบลงมาอีก มุมนี้เป็นมุมนึงที่หนิงคิดว่าสวย classic ในที เพราะมันเป็นย่านขายของส่ง สารพัด เดินเข้ามาเป็นท่าเรือ แต่พอมองตรงไปด้านหน้า เราจะเห็น พระปรางค์วัดอรุณ สวยงามทีเดียว ครั้งหนึ่งในวัยสาว เคยมานั่งชมพระอาทิตย์ตกกับชายหนุ่มที่กำลังดูใจขณะนั้น ถึงเวลาจะผ่านไป แล้วเราก็ไม่ได้มากับเขาคนนั้น แต่มุมนี้ถือเป็นมุมในดวงใจจริงๆ

หลังจากระลึกความหลังอยู่คนเดียวเสร็จ หนิงกับพี่อ๊อดก็เดินโซเซกันต่อ เราเห็นหลายๆซอยแถวนั้นกั้นกระสอบ และมีเครื่องดูดน้ำ กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ เรายังคงเดินไปเรื่อยจนถึงร้านกาแฟ ออรั่ม เป็นร้านกาแฟริมน้ำ ตรงข้ามวัดประยูร เราสองคนเลยมานั่งหาอะไรเย็นๆดื่มแก้ร้อน อันที่จริงวันนี้ก้ไม่ได้ร้อนอะไรนัหนา อากาศเริ่มจะเย็นลงซะด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้จะดื่มอะไรเย็นๆ ก้ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมาได้ เพียงแต่รู้สึกสบายๆ เรานั่งคุยกันตามประสาคนคอเดียวกัน

จะว่าไปหนิงเองก็เพิ่งรู้จักพี่อ๊อดได้ไม่นาน พี่อ๊อดเป็นแอร์รุ่นพี่ สนิทสนมกับพี่ปันหยาภรรยาสุดรักของพี่ต๋อง พี่ชายที่แสนดี
เอาเป็นว่าเราจะหยุดท้าวความถึงตนอื่นที่พี่ต๋อง กลับมาที่พี่อ๊อด หนิงเคยบินกับพี่อ๊อดแค่ครั้งเดียว จำไม่ได้ว่าไปไหน เพียงแต่พอคุยกันไปมา ก็นับญาติกันได้ลงตัว เดิมพี่อ๊อดมีเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ตอนนี้เพื่อนพี่อ๊อดออกเรือนไปแล้ว พี่อ๊อดเลยคาดคู่คิดไป ประจวบเหมาะกับหนิงเริ่มคุยกับพี่อีอดทาง face book อย่างงอมแงม เราเลยเผยคุณสมบัติส่วนตัวของกันและกัน จนพบว่า พี่อ๊อดและหนิง น่าจะลองไปผจญภัยด้วยกัน

หลังจากทำความรู้จักในร้านกาแฟ หนิงบอกพี่อ๊อดว่า
เราข้ามฝั่งไปอีกฝั่งกันเถอะ ถ้าไม่ได้ยังไง ค่อยเดินเล่นที่สยามมิวเซียมแทน เราตกลงกันตามนั้น เส้นทางเราต้องผ่านโรงเรียนราชินี ข้ามคลองเล็กๆข้างๆโรงเรียนแล้วเลี้ยวขวาไปท่าน้ำ เราเดินจนถึงท่าน้ำ ก็เห็นกลุ่มคน 4-5คนนั่งขวางทางเข้าท่าเรือ หนิงถามว่า 'พี่คะ ท่าเรือปิดเหรอคะ' พี่เขาบอกว่าไม่ปิดหรอก เพียงแต่ให้เดินอีกทาง พอเราเดินไปอีกด้าน เราก้เห็นน้ำที่เอ่อท่วมขังตรงทางขึ้นโป๊ะ แต่ไม่สูงนัก เราตัดสินใจข้ามไป ถ้าไม่ดีนัก เราก็นั่งเรือกลับไม่ได้เสียหาย

เรือพามาส่งหน้าโบสถ์ซานตาครูส เราลงเรือท่านี้แล้วเดินต่อไปหน้าวัดกัลยาณมิตร อันที่จริงแล้ว เรานั่งเรือต่อไปได้ เพราะเรือขับส่ง3ท่า แต่เราก้เดินเล่นดูบ้านแถวนั้น หนิงบอกพี่อ๊อดว่าบ้านแถวนี้สวย ถ้าเป็นหนิง หนิงจะทำ guest house พี่อ๊อดขำหนิงใหญ่ เพราะคือสิ่งเดียวที่หนิงพูดอยู่เรื่อยๆ

ที่วัดประยูร เราได้ไปไหว้ พระประธานพระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง หลวงพ่อองค์นี้เป็นที่นับถือของคนไทยเชื้อสายจีนในละแวกนี้ ทุกปีก็จะมีง
านไหว้ต่างๆตามประเพณีจีน

จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับไปทางโบสถ์ฝรั่ง เราเห็นเด็กๆเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน มันทำให้เรานึกถึงวันที่เราเด็กๆแล้วเล่นซนอย่างนี้(เราแก่แล้วหรือนี้ ถึงได้ระลึกความหลัง)
หนิงพาพี่อ๊อดเข้าซอยชุมชนกุฎีจีน ข้างๆโบสถ์ มองจากในซอย เราจะเห็นโบสถ์ในอีกมุม เราเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นบ้านเล็กบ้านน้อย หลังขนาดกำลังน่ารัก เดินไปสุดซอยเลี้ยวขว
า เดินต่อไปอีกนิด จะเจอบ้านที่มีกลิ่นตลบอบอวลไปด้วยความหอมของขนมอบ ใช่แล้วบ้านหลังนั้นทำขนมฝรั่งกุฎีจีนนั้นเอง หนิงมากี่ครั้งก็ต้องซื้อกลับบ้านไปเสมอ เพราะคนที่ชอบคือคุณพ่อบังเกิดเกล้า บางทีก็ซื้อเผื่อแจกคน คราวนี้ก็ซื้อกลับไปให้พี่ๆนักปั่นได้กินกัน เราเยี่ยมชมกิจการจากประตูด้านนอก ร้านนี้เขาจะมีสุนัขตัวนึงเป็น ลาบาดอร์ น่ารักมาก เพราะมาคราวแรก เธอก็วิ่งมารับถึงปากทางเข้าบ้าน แล้วยังเดินนำไปจนถึงบ้าน น่ารักจริงๆ แต่วันนี้ไม่เห็นเธอ เพราะเขาไปอยู่บ้านด้านใน

หนิงยังคงพาพี่อ๊อดเดินไปเรื่อยๆ โดยไปวัดประยูรวงศาวาสต่อ ขณะที่เดินกันไป ก็ถึงคราวพี่อ๊อดระลึกความหลังบ้างว่าสมัยก่อน พี่อ๊อดเป็นคนฝั่งธน จะไปเรียนทีก็ต้องนั่งเรือข้ามฝั่ง บ้านพี่อ๊อดก็จะคล้ายๆชุมชนกุฎีจีน พี่อ๊อดยังเล่าว่า เมื่อก่อนถ้าบ้านไหนทำอาหารอะไร เขาก็จะแบ่งแจกจ่ายไปทั้งซอย พี่อ๊อดเล่าประวัติคร่าวๆ จนในที่สุดเราก็กลับมาที่ท่าน้ำโบสถ์ซานตาครูส เด็กๆยังคงเล่นน้ำกันอยู่ ถึงแม้ว่าข
ณะนั้นจะเป็นเวลา 5โมงเย็นแล้ว แต่จังหวะชีวิตอย่างนี้คงหาได้ไม่ง่าย พ่อ แม่ทั้งหลายก็มายืนดูลูกๆ หนิงได้ยินเสียงแม่ๆปรามลูกว่า อย่ากระโดน้ำแรงเวลาคนเดินผ่าน นึกแล้วก็ขำ คนเป็นแม่มักเป็นอย่างนี้เสมอ

หนิงกับพี่อ๊อดเดินกลับไปท่าน้ำเดิมที่เราลง เรานั่งรออยู่พักใหญ่เรือก็มา เรื่องเรือข้ามฟากมันทำให้หนิงนึกย้อน (ย้อนอีกแล้ว) ว่าสมัยก่อน ค่าข้ามเรือมันแค่ บาท 2บาทเอง ตอนนี้ 3บาท 50สตางค์ ก็ตลกดี มีเศษสตางค์ด้วย

เมื่อเรากลับมาฝั่งพระนคร
พี่อ๊อดสอบถามแม่ค้าแถวนั้นว่าน้ำท่วมขนาดไหน แม่ค้าบอกว่าน่าจะมาก่อนหน้านี้สัก 2-3วัน เพราะน้ำขึ้นสูงมาก วันนี้น้ำลงไปเยอะแล้ว น่าเห็นใจคนอยู่ริมแม่น้ำจริงๆ ตอนเด็กๆ หนิงก็อยากอยู่บ้านริมน้ำ แต่ตอนนี้ หนิงก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน

เรายังคงเดิน นับจากลงรถแท๊กซี่
ก็ใช่วิธีเดินตลอด ผ่านปากคลองตลาด จนถึงท่าน้ำใต้สะพานพุทธ หนิงบิกพี่อ๊อดว่าเดี๋ยวเรานั่งเรือไปขึ้นแถวสาธร แล้วต่อรถไฟฟ้ามหานคร ไปหมอชิตกัน เราตกลงตามนี้ แต่ว่ารอเรือด่วนมุ่งหน้าพระยาไกรนานแสนนานก็ไม่มาซะที เลยตัดสินใจเปลี่ยนทิศ นั่งเรือไปบางโพแทน เพื่อขึ้น รถใต้ดินกลับบ้าน เรานั่งกินลมชมวิวกันไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ถึงบางโพ ต่อตุ๊กตุ๊กอีกนิดหน่อย เราก็มาถึงใต้ดิน

วันนี้เราสองคนค่อนข้างจะสะบักสะบอมจากการเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ แต่ถึงยังไง การเดินชมน้ำท่วมคราวนี้เราก็ได้เจออะไรหลายอย่าง อย่างน้อยเราก็รู้จักกันมากขึ้น หนิงร่ำลาพี่อ๊อด ก่อนจากกัน เราตกลงว่าจะไปออกทริปกันอีก คราวหน้าจะไปไหนยังไม่ตกลง แต่ก็เป็นเรื่องผจญภัยกันแน่ๆ


เรื่อง นางฟ้า
ภาพ นางฟ้า