วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทัวร์เป็ดน้อยกับพ่อห่าน ตอน ทักษะการปั่นจักรยานเบื้องต้น

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า กลุ่มเพื่อนๆของเล็กเขารวมตัวกันปั่นจักรยาน ทำให้เล็กและใหญ่ได้มีโอกาสไปร่วมปั่นอยู่ 2-3ครั้ง จนเกิดอาการติดลม อยากได้จักรยานขึ้นมาบ้าง งานนี้ก็ร้อนถึงพ่อห่านอย่างพี่โม่ ที่ถูกรบเร้าให้ช่วยหารถให้หน่อย จนเล็กไปได้รถจักรยานมาคัน สวยถูกใจเจ้าหล่อนนัก พอเล็กมี ใหญ่ก็คันๆ อยากได้ จนวันหนึ่ง หนิงกับพี่โม่ ไปเดินเล่นตลาดนัดรถไฟ แล้วไปเจอคันนี้เข้าให้ เห็นแว่วๆว่าใหญ่ตั้งชื่อว่า กาแฟเย็น เจ้าคันนี้ราคาถูกกว่าที่ลงขายในเวป หนิงกับพี่โม่เลยยุ บอกให้ใหญ่เอาไว้ก่อน

เมื่อมีจักรยานก็ต้องมีทริป ไอ้จะพาไปขี่เขา ก็คงมีจูงจักรยานกันแน่ๆ ในช่วงเวลานั้นเองที่หนิงได้ข่าวว่าแม่มณีถอยรถsingle speedออกมาครอบครองไว้ 1คัน หนิงเลยคำนวณว่า ถ้าพาสาวๆมือใหม่ ทั้ง 3ไปพร้อมกัน น่าจะดี เพราะจะได้มีเพื่อนปั่นกันไป ว่าแล้ว หนิงก็ปรึษาพี่โม่เรื่องออกทริป เราเลือกที่จะเริ่มจากบ้านใหญ่ เพราะบ้านพักใหญ่ อยู่แถวพระราม 2 เหมาะที่จะปั่นออกไปหาอาหารทะเลกิน หนิงเลยเอาปูเข้าล่อให้ใหญ่หลวมตัว อยากมามากขึ้น ซึ่งก็ได้ผล ในขั้นแรก เมื่อเล็กรู้ระยะทาง ก็มีร้องงอแงทำท่าจะเบี้ยว พี่โม่ก็จัดหนักโดยการล่อซื้อแฮนด์มือสองเพื่อมาเปลี่ยนให้เล็ก ก็ได้ผลเป็นอย่างดี

จริงๆก่อนหน้านี้เรื่องทัวร์เป็ดกำลังจะกลายเป็นตำนาน เมื่อหลายคนเห็นว่า มีพ่อห่านเข้ามาป่วนเปี้ยนในกลุ่มเป็ด แต่ในที่สุด พ่อห่านเลยต้องทำหน้าที่หัวหน้าคณะทัวร์ ทำให้ทัวร์เป็ดน้อย ยังดำเนินต่อไปได้

หนิงจัดแจงนัด สาว สาว สาว ในสุดสัปดาห์ที่เป็นใจอย่างยิ่งในการปั่น เพราะเป็นช่วงที่มรสุมเข้า ทำให้ในวันนั้นไม่มีแสงแดดมาแผดเผาให้สะเทือนใจ เรานัดกันที่บ้านใหญ่ 8โมงครึ่ง ซึ่งจากการคำนวณเวลาแล้ว หนิงว่าระยะทางขาไป 25กิโล น่าจะทำให้ถึงร้านอาหารเที่ยงๆ พอให้น้ำย่อยออกมาทำงานพอดี โดยการปั่นครั้งนี้ไม่เน้นความเร็ว แต่เน้นการใช้ถนนร่วมกับรถยนตร์ตั้งแต่ 4ล้อขึ้นไป

ก่อนออกเดินทางเรามาเช็คลมยางหน้าหลัง โดยสูบลมให้เท่ากับที่ยางกำหนดมา หลังจากทุกอย่างพร้อม สาวๆก็เตรียมผ้าไว้สำหรับกันแดด และที่แน่ๆ ก็ใส่ถุงแขนกันล่วงหน้าเลย ไม่อย่างนั้น แขนด่างเอาได้

เส้นทางที่จะไป บางช่วงเป็นช่วงชุลมุน บางช่วงปลอดรถ ทำให้การปั่นไม่เครียดมากเกินไป ก่อนออกเดินทาง เราเจอเพื่อนบ้านใหญ่ ซึ่งพี่เขาเพิ่งกลับจากการปั่น พี่เขาก็ปั่นมาจากเส้นที่เรากำลังจะไป เขามาแนะนำให้เราไปดูทะเลกรุงเทพ น่าดูมากเลย แต่นั้นมันสวนสยามนี้นะ 'ทะเลกรุงเทพ' หนิงจำสโลแกนมันได้ แต่คงไม่ใช่ละ พี่เขาคงไม่ปั่นจากพระราม 2ไปสวนสยามแล้วกลับมาเร็วก่อน9โมงไปได้ พี่เขาคงหมายถึงทะเลบางขุนเทียนนั้นเอง แน่นอน เราก้อยากไปถึงนั้น แต่คงไม่ใช่วันนี้ หนิงแอบคิดในใจ

เราออกจากบ้านใหญ่ 9โมงโดยประมาณ ปั่นผ่านหน้าโรงเรียนรุ่งอรุณ เส้นทางนี้เมื่อ 10กว่าปีก่อน หนิงเคยมาปั่นไปดูลิงแสมฝูงสุดท้ายในกรุงเทพ ไม่รู้ว่าปานนี้มันยังอยู่กันไหม หนิงจำได้ว่าเส้นทางครั้งนั้นเป็นทาลูกรัง ตอนนั้นหนิงใช้เสือภูเขาปั่น แต่คราวนี้พวกเราใช้รถทางเรียบประเภททัวริ่งทั้งนั้น ปั่นเลยโรงเรียนรุ่งอรุณไปหน่อยทางขวามือหลังจากลงสะพานข้ามคลอง จะมีร้านขายอาหารประเภท ห่อหมก ข้าวต้มมัด ร้านนี้เมืองก่อนตอนที่หนิงปั่นมาดูลิง เคยซื้อขนมสอดไส้กิน อร่อยมาก คราวนี้ หนิงเข้าไปถามหา ได้ความว่าไม่ทำมานานแล้ว เพราะคนทำเรียนจบ ทำงานอย่างอื่นกันหมด น่าเสียดาย แต่อย่างอื่นหนิงก้ไม่ได้ซื้อชิมว่าจะอร่อยไหม แต่ดูแล้วก็คงไม่น่าผิดหวัง เพราะเป็นร้านที่ทำเองแบบชาวบ้านที่มีวัตถุดิบแบบเต็มๆ

เราปั่นผ่านกันมาเรื่อยจนถึงสามแยก เลี้ยงขวาไปพระราม2 เลี้ยวซ้ายไปท่าข้าม พี่โม่ พ่อห่านที่นำทริปนี้ออกอาการงงๆ เลยพาพวกเราเลี้ยวขวาไปรพราม 2 แต่พอไปได้สักพัก ก็พบว่ามาผิดทาง เลยย้อนกลับทางเก่า จากระยะทางจากบ้านใหญ่ หนิงซึ่งรับหน้าที่ปิดท้าย สังเกตุว่าเป็ดแต่ละตัวท่าทางจะยังเกร็งๆ กับการขี่จักรยานบนถนนที่รถเยอะ ดูไม่ค่อยกล้าหันมามองข้างหลังกันเลย จนหนิงอดใจไม่ได้ ต้องบอกให้หันมามองกันบ้าง ส่วนแดงกับ single speed ดูแดงแข็งแรงมาก หนิงจะแนะแดงให้ก่อนขึ้นสะพาน ออกแรงส่งให้จักรยานมันแรงพอที่จะขึ้นสะพานง่ายๆ ซึ่งดูแล้วแดงทำได้สบายทีเดียว

ตอนนี้พวกเรามุ่งหน้าไปตามทางที่ไปท่าข้าม แล้วเราก็พักจุดแรก ร้านสะดวกซื้อ 7-11 หนิงรีบถามเล็กก่อนเลยว่าไหวไหม เล็กยังเสียงแจ๋ว ดูคึกคัก ส่วนแฝดใหญ่ หนิงหายห่วง ใหญ่เป็นสาวใจสู้ทีเดียว เพราะเมื่อครั้งที่ใหญ่ ปั่นครั้งแรกกับเพื่อนๆเล็ก ใหญ่ปั่นขึ้นเนินยาวๆได้สบายๆ โดยไม่ต้องลากจูงเลย ส่วนแดง เป็นสาวที่แอคทีฟตลอดเวลา หนิงแค่ห่วง เพราะเพิ่งรู้มาว่าแดงเพิ่งจะออกทริปไกลๆครั้งแรก ก่อนหน้านั้น แดงแค่ปั่นอยู่แถวๆบ้าน

จริงๆแล้วเล็กกับใหญ่เคยมีประสบการณ์การปั่นจักรยานในอินเดีย ซึ่งแสนจะไม่ง่ายเลย เพราะหนนั้น เต็มไปด้วย รถสารพัดแบบทั้งรถยนตร์ จักรยาน มอเตอร์ไซค์ คนเดินเท้ารวมไปถึงวัวที่ต่างก็แย่งกันใช้ถนนร่วมกัน คราวนี้จะว่าไปถือว่าง่ายกว่ามากสำหรับฝาแฝด

หลังจากให้น้ำกันไป เราก็ออกเดินทางต่อ เส้นทางของเรามุ่งหน้าไปทางวัด หัวกระบือ ลมทะเลที่พัดขึ้นฝั่งวันนี้แรงเอาการอยู่ ใหญ่ค่อนข้างดูไม่สบายเลยกับการปั่นจักรยาน แต่เล็กยังพอไปได้ หนิงถามเล็กเป็นระยะ ระยะ ว่าไหวไหม กลัวว่าเล็กจะเกิดอาการท้อแท้ไปซะก่อน เราแวะถ่ายรุปกันไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านวัดหัวกระบือ เส้นทางค่อนข้างจะปลอดจากรถ จะมีมาบ้างเป็นบางช่วง สะพานข้ามคลองก้ไม่มากเหมือนช่วงที่ปั่นแรกๆ แต่ลมยังคงเป็นอุปสรรคนักหนา หนิงได้ยินเล็กบ่นเรื่องลมเป็นระยะ แต่หนิงก็ให้กำลังใจไปว่าขากลับสบาย แดงปั่นลิ่วๆ ตามพี่โม่ไปติดๆ แดงบอกว่าถ้ารอบดีๆ ยังปั่นแซงพี่โม่ไปได้ด้วย ดูเหมือนแดงจะได้กำลังใจไปเยอะ ส่วนใหญ่ดูแย่มากสำหรับคราวนี้ ใหญ่ปั่นรั้งท้าย จนหนิงต้องให้ใหญ่นับ 1-2เพื่อช่วยหาจังหวะในการปั่น ใหญ่แอบถามว่าทำไมจักรยานแดงไปเร็วจัง เบากว่าเยอะเหรอ ใหญ่บอกว่าจักรยานใหญ่หนักมาก
หนิงได้แต่บอกว่ามันคนละประเภทกัน จริงๆจักรยานแบบแดงเขามีสำหรับการแข่งขัน แต่นำมาดัดแปลงเพื่อใช้ขี่ตามถนน จักรยานของแดงขอเสียคือไม่สามารถพากันปั่นขึ้นเขาได้ ซึ่งผิดจุดประสงค์ในการซื้อจักรยานของใหญ่

หลังจากปลอบใหญ่ให้หายกังวล พี่โม่ก็จัดพักให้อีกรอบ รอบนี้เราได้มุมน่ารักให้ชักภาพเป็นการใหญ่ น่าตลกที่ทริปนี้ทุกคนมีกล้องเป็นของตัวเอง แล้วเราก็เลือกถ่ายมุมที่เราชอบ อย่างสนุกสนาน เมื่อหายเหนื่อย เราก็ออกเดินทางต่อ ไม่มีใครรู้ว่าเรามาไกลแค่ไหน เพราะมือใหม่ไม่มีใครมีเครื่องวัด ส่วนมือเก่ามีพี่โม่คนเดียว แต่ไม่ยอมบอกใคร ส่วนหนิงก็หลอกเพื่อนสาวไปเรื่อยๆว่าใกล้แล้ว ใกล้แล้ว

ไม่นานนัก เราก็ปั่นออกสู่เส้นทางมุ่งหน้าชายทะเลบางขุนเทียน จากตรงนั้นไม่ไกลเท่าไหร่นัก เราก็จะถึงร้านอาหารที่เรารอคอย แต่พี่โม่บอกว่าเลยจากร้านอาหารเลี้ยวซ้ายตรงสามแยก จะมีร้านกาแฟน่ารักร้านหนึ่ง ร้านกาแฟนี้เป็นร้านกาแฟที่นักปั่นจักรยานแถวๆนั้นใช้เป็นที่พักดื่มน้ำ ก่อนปั่นกลับบ้านใครบ้านมัน

ก่อนเราจะมาถึงร้านน้ำ เล็กท่าทางบอกบุญไม่รับเลย แต่พอเลี้ยวซ้ายเท่านั้นละ ลมส่งก้นเล็ก ทำให้ปั่นได้เร็วขึ้นแบบไม่เห็นฝุ่นเลย ผิดกับใหญ่ที่ปั่นยังไงก็ไม่ไป ตลอดทางใหญ่บ่นว่ารถหนัก แต่หนิงลองให้ใหญ่ยกจักรยานหนิง ใหญ่ก็ว่ารถหนิงหนักกว่า แต่พอใหญ่ลองปั่นรถแดง ใหญ่บอกว่าสบายมาก หนิงมีหลอกให้แดงลองปั่นแซงใหญ่ด้วยรถจักรยานใหญ่ หวังจะให้ใหญ่สบายใจ ซึ่งแดงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เธอเอาพลังที่ซุกซ่อนอยู่ภายในออกมา แต่ทันทีที่แซงใหญ่ได้ แดงบอกว่า 'ไม่ไหวแล้ว รถหนัก' ว่าแล้วใหญ่ก็ต้องกลับมาปั่นจักรยานคันเดิมของตัวเองมุงหน้าร้านน้ำแบบแฮ่กๆ

หลังจากเรานั่งดื่มน้ำกันสบายใจ ระยะทางประมาณ 25กิโล ตามเป้าหมาย เราก็ย้ายที่พักมายังร้านอาหารริมทาง ชื่อรับลม ร้านนี้เป็นร้านชาวบ้าน มีบ่อปลาอยู่ข้างๆ ที่นั่งสบายนั่งยืดขาสบาย เราสั่งหอยตลับผัดพริกเผา ปลาทอดราดน้ำปลา ปลาหมึกผัดกะทิ ไข่เจียวกุ้ง ที่ขาดไม่ได้คือปูนึ่ง ซึ่งใหญ่รอคอยมาก อาหารมาอย่างต่อเนื่อง เราใช้เวลานับชั่วโมงในการกำจัดสิ่งเหล่านั้นลงไปอยู่ในกระเพาะอาหาร ก่อนออกเดินทาง เราตบท้ายด้วยสละลอยแก้วเย็นๆ ให้ชื่นใจ

ขากลับ เรากลับทางเดิม โดยเราแวะวัดหัวกระบือด้วย ที่วัด หนิงเห็นกะโหลกควายวางเรียงกันเต็ม อีกด้านมีคอกควาย ซึ่งมีเจ้าควายอยู่นับสิบๆตัว สอบถามได้ความว่าวัดนี้เน้นการทำบุญไถ่โคกระบือ แล้วกระบือเหล่านั้น ก็จะเอาไว้ให้ชาวบ้านมาขอไปสำหรับทำนา ห้ามเอาไปฆ่าเด็ดขาด แต่ควายสวนใหญ่เป็นควายเผือก ชาวบ้านไม่นิยมเลี้ยง อันนี้คงเป็นความเชื่อท้องถิ่น จะว่าไปหนิงเห็นควายเผือกมากๆ แถวประเทศลาว เวียดนาม เมื่อครั้งไปทัวร์ริ่งท่ีนั้น แต่ก็ดูชาวบ้านไม่ได้เชื่อถืออะไร อาจเพราะแถวนั้นมันมีแต่เผือกๆ ไม่เลี้ยงไว้ คงไม่มีควายไว้ใช้เป็นแน่

ระหว่างทางก่อนถึงบ้านใหญ่ ใหญ่พาเข้าชมอาศรมศิล์ป สถานที่เรียนที่ใหญ่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ สถานที่น่ารัก ร่มรื่น เหมาะกับการเอนหลังเป็นอย่างยิ่ง ว่าแล้ว สาวๆ ก็ล้มตัวลงนอนแผ่หราแบบไม่อายใคร เพราะแต่ละคนก็หมดกันสุดๆ ทริปนี้เป็นทริปที่สุดของสาวๆ โดยเฉพาะเล็ก เพราะเราไม่อยากเชื่อว่าเล็กจะทำได้ ถึงจะมีงอแงบ้างก็ตาม ส่วนแดงหลังจากทริปนั้น แดงก็เกิดอาการอยากจะปั่นอีกตลอดเวลา จนทำให้หนิงกับพี่โม่ เตรียมหาทริปสำหรับสาวๆกัน ใหญ่ไม่ต้องพูดถึง ขานี้สุดๆ ใจถึง แรงดี เพราะในที่สุด เราก็รู้ว่ารถจักรยานใหญ่มีปัญหา ล้อหลังมันไม่วิ่ง น่าจะเกิดจากลูกปืนข้างใน ซึ่งคือสาเหตุของรถที่ทำให้ปั่นไม่ไป แต่ใหญ่ก้ปั่นมาเกือบตลอดทาง มีหนิงกับแดงผลัดกันลองของจนรู้ถึงสาเหตุของความหนืดนั้น

ก่อนจากกัน เรามาเซ็ตรถกันใหม่ ทั้งของแดงและของเล็ก คราวหน้า หนิงแนะให้สาวๆหาของใช้สำหรับจักรยาน ไม่ว่ากางเกง หรือผ้าคลุมหน้า เพื่อป้องกัน ไม่ให้สภาพเราเยินไปกว่าที่เป็นอยู่ คราวหน้า หนิงกับพี่โม่ยังไม่รู้ว่าจะพาสาวๆไปไหน แต่ที่แน่ๆ ต้องมีของอร่อยๆรออยู่แน่ๆ เหมือนรางวัลของชีวิตยังไงยังงั้น