วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เมื่ออยากเป็นผู้จัดการทีม

เมื่ออยากจะเป็นผู้จัดการทีม
เมื่อก่อนเป็นนักปั่นบ้าง เป็นตากล้องซ้อนมอไชค์บ้าง บางปีล้มระหว่างแข่ง เลยไปช่วยกรรมการบ้าง ช่วยจิปาถะให้ organizerบ้าง เรียกว่าเป็นมาหลายรูปแบบ แต่อย่างเดียวที่ยังไม่เคยเป็น และอยากลองงานมากๆ ก็ ผู้จัดการทีม เนี้ยละ

ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่การแข่งจักรยานทัวร์ทางไกล by พี่โป้ง ได้เปลี่ยนชื่อจาก Tour of Egat มาเป็น FriendshipR1 ผู้จัดก็เปลี่ยนไปเป็นสวนดุสิตจัด เรียกว่าคึกคักทั้งทีมงาน และนักแข่ง เราเองก็ร่วมลงแข่งปีที่แล้ว พร้อม 2เสือแห่งการบินไทย พี่พงษ์ และพี่เอี๊ยด เป็นสามเกลอ มีพี่ก้อย เป็นผจก ร่วมด้วยพี่วี และพี่ต่อ เรียกว่านักแข่งน้อยกว่า ผจกซะอีก

มาปีนี้ หนิงเองไม่ขอลงแข่งเนื่องจากตั้งใจว่าจะแข่งปีเว้นปี ประกอบกับ พี่พรุนได้ไปทำการแข่งไตรกีฬา แบบทีมให้เมื่อปีที่แล้ว เลยถามพี่พรุนว่าเอาไหมพี่ น้องจะเป็นผู้จัดการทีมให้ ถ้าพี่ๆลงกัน ตอนนั้นไม่รู้พรายอะไรไปกระซิบข้างหูพี่พรุน พี่พรุนเลยตกปากรับคำ ในขณะเดียวกัน ก็เลยขอแกมบังคบพี่บี๋ลงด้วย ส่วนเสือพงษ์และเสือเอี๊ยดอยากอยู่แล้ว
ได้ความดังนั้น ก็แจ้งความพี่ก้อย ว่าเอาไหมพี่ ผจกคู่ แต่คงต้องส่งพี่ไปทำงานการกุศลให้น้องหน่อย พี่ก้อยก็ดีใจหาย ตกปากรับคำทั้งที่ไม่รู้เลยว่าน้องชั่วจะส่งไปทำงานอะไร

เอาละ แผนการก็วางเรียบร้อย อย่างต่อไปก็ดำเนินการบอกกล่าวพี่วี ว่าน้องๆจะไป โปรโมตบริษัทละนะ พี่วีก็ดีใจหายอีก ไม่ว่าอะไร แต่ไหนๆน้องอยากจะเป็นผู้จัด น้องก็ช่วยพิมพ์จดหมายส่งหน่วยงานให้หน่อย น้องเลยจัดไป แผนการได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และหนิงก็อาศัยว่าปั่นจักรยานอยู่กะพี่โป้ง เลยใช้วิธีโทรไปบอกว่า ‘พี่คะทีมการบินไทยส่ง 4คนคะ รุ่น40ยังแจ๋ว’ พี่โป้งก็ดีใจหายอีก รีบแจ้งพี่ไก่แม่งาน จองที่ไว้ให้น้อง
หลังจากเรื่องราวดำเนินต่อมา หนิงได้รับแจ้งว่าเรื่องวันลาผ่านฉลุย ด่านแรกผ่าน ด่านต่อมาเมื่อได้รับแจ้งว่า เสื้อทีมมีไม่พอ พี่ๆลูกทีมบอกว่าเสื้อเก่าใส่ไม่ได้ ตอนนั้นจึงรีบแจ้งพี่วี พี่วีให้ติดต่อคุณปอ ตอนแรกคุณปอไม่รับปากเพราะงานเร่งรีบมาก และมีหลายเจ้าที่เอาไปใส่งานแข่งเดียวกัน ตอนนั้นก็ลุ้นมาก ไม่ได้บอกลูกทีม แต่เนื่องจากต้องมีการแก้แบบ บวกกับช่วงปิดยาวสงกรานต์ แบบเสื้อจึงส่งมาช้า แถมพี่ติ่งไม่รับทำงานน้อย เลยจัดหาร้านให้คือร้าน คุณปอวายร้าย ( wild ride) แต่คุยกะพี่วี กะว่าถ้าไม่ได้เสื้อ จะให้พี่วีไปบีบเอากะคนอื่นมาให้ใส่ไปพลางๆก่อน
แต่สวรรค์มีตา ก็บันดาลให้คุณปอ แจ้งว่าเสื้อได้ทัน แต่ยังไงก็ ต้องไปรับเอง ตอนนั้นอะไรก็เอาทั้งนั้น เพราะตอนติดต่อไป ยังบอกคุณปอว่า เอาให้ใช่คนละตัวก่อนก็ยอม สงสัยว่าคุณปอเห็นใจ เลยจัดให้
ก่อนแข่งพี่ๆ ก็นัดซ้อมกันสุดชีวิต ได้ยินว่าพี่พงษ์กะพี่เอี๊ยด ปั่นกันเป็น ร้อยโล ส่วนพี่บี๋กะพี่พรุน บอกว่าปั่นพองาม ที่เหลือลุ้นเอาประมาณนั้น พี่วีบอกว่าซ้อมๆกันให้ถ่ายรูปส่งไป จะส่งตังค์ค่าซ้อมไปให้

ิ นักกีฬาต้องเข้าฟัง brief ก่อนแข่งเรื่องเส้นทางและกติกามารยาท และหน้าที่แรกของ team manager ก็บังเกิด แต่วันนี้ต้องไปเอาเสื้อทีมที่ร้านคุณปอก่อนนะ เลยเลือกออกจากบ้านบ่าย3โมง และเสื้อก็เสร็จตามเวลา แต่ลายเสื้อไม่ตรงกัน เนื่องจากงานเร่ง เด็กที่ร้านบอกให้เอากลับไปแก้ใหม่ได้ ไม่ต้องเกรงใจ วันนั้นเจอteam managerของ K45 คือพี่กุ้ง กะพี่นุ 2คนนี้ก็นักแข่งที่ขอเปลี่ยนหน้าที่ชั่วคราว เพราะถึงยังไง พี่ๆก็คงเลือกที่จะเป็นนักแข่งน่าจะสนุกกว่า
หลังจากรับเสื้อ เราต้องฝ่าการจราจรหนาแน่น แถวเพชรเกษม มุ่งหน้านนทบุรีพาเลส เพื่อฟัง brief ถึงแม้ว่าจะไปช้าสักหน่อยเนื่องจากรถติด และหลงทางเพราะไม่ชินทาง แต่ก็ไปทันฟังเรื่องเส้นทาง ที่ ผจก ฟังแล้วงง ไม่ใช่ว่าพี่โป้งอธิบายไม่รู้เรื่อง แต่ว่า เราฟังไปเมาท์ไปกะ ช่างหนึ่งกะน้องโหน่ง วันนั้นเห็นรายชื่อนักแข่งหญิงแล้วบอกตรงๆว่าอยากแข่งด้วย เพราะระยะก็ถูกตัดให้สั้นลง แต่สายไปแล้ว ซ้อมก็ไม่ได้ซ้อม นอกจากจะฟังbrief เราต้องรับเบอร์ ไปให้หนุ่มๆในทีมอีก แต่ด้วยความเบอะ ลืมที่จะถามเบอร์กับชื่อจาก พี่ไก่ เลยเอาไปให้พี่ๆเขาเดาเบอร์กันเอง แต่พี่ๆในทีมก็น่ารัก ไม่บ่นสักคำ เราไปทานข้าวเย็นที่ไก่โต้ง แถวซอยเสนา
ส่วนพี่ก้อยไปไม่ได้ เนื่องจากน้องได้ส่งไปทำงานการกุศล พี่ก้อยต้องไปรับ นักแข่งต่างชาติที่สุวรรณภูมิ งานนี้พี่ก้อยกลับบ้านดึกมากๆ ใครรู้บ้างหนอ น้องต้องขอบคุณพี่ก้อยอย่างสูง
นอกจากพวกเราที่ทานข้าวพูดคุย พี่หน่อยจำปี ก็มาร่วมแจมด้วย หลายปีก่อน พี่หน่อยเคยร่วมทีมกับพี่
พรุน พี่บี๋ พี่พงษ์ แข่งจักรยานทางไกลมาแล้ว ปีนั้นได้ยินว่าได้ถ้วยพระราชทานมาครอบครองด้วย มาตอนนี้พี่หน่อยมีโปรเจคเพื่อสังคมต้องทำ เลยไม่มีเวลามาร่วมกับน้องๆอีก
เราทานข้าวและนัดแนะเวลาในวันเสาร์ เพราะจะต้องทำการแข่งขัน time trial ซึ่งเมื่อปีที่แล้วพี่พงษ์ได้ลงแข่ง ในขณะที่พี่เอี๊ยดไม่ลง แต่ปีนี้พี่ๆทั้ง4ได้ลงทำการแข่งขัน โดยเฉพาะพี่พรุน ลงทุนถอยรถ time trial มาใหม่เลย เรียกเสียงฮือฮากันในหมู่พวกเรา

ก่อนวันแข่ง1วันพี่โป้งขอให้ไปช่วยbrief นักกีฬาต่างชาติ เอาเข้าจริง มาฟังกันน้อยมาก ไม่รู้ว่าเขารู้กันรึเปล่า ทำให้เห็นว่า นักกีฬาต่างชาติ จะมีบางคนที่ยกเลิกไปก็เพราะมีประท้วงที่บ้าน เรา แต่บางคนบอก็มีทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า บางคนเป็นฝรั่งที่อยู่เมืองไทย บางคนเป็นฝรั่งที่บินมาไกลอย่างอินเดีย สิงค์โปร์ จีน เรียกว่า คนเอเชียแถวฟิลิปปินส์ก็มาไม่น้อย เขาว่าเฉยๆกับการประท้วง เพราะที่บ้านเขาเกิดขึ้นประจำ ก็ฟิลิปปินส์ไง
Stage1 Time Trial 7 กม ที่ถนนอุทยาน

เราบอกพี่ๆไปว่าเจอกัน 7โมง เวลาเริ่มแข่ง 9โมง คนแรกเริ่มปั่น 7โมงหนิงยังขับรถอยู่เลย เอาเข้าจริง ก็ไปเกือบ 7โมงครึ่ง ถึงจะไปถึง ส่วนพี่ๆก็ทยอยกันมา เริ่มจากพี่วีพี่พรุนก็หาจาก7โมงกะพี่วี คืนก่อนแข่ง ได้รับโทรศัพท์จากพี่พรุนหลายรอบเรื่องทางไป พี่พรุนถามว่าแข่งที่ไหน หนิงก็ว่าถนนอักษะ gps หาเท่าไหรก็ไม่เจอ จนสุดท้าย พี่พรุนถามว่าใช่ถนนอุทยานไหม ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า เขาเปลี่ยนชื่อแล้วนี้นา

พอเจอหน้าพี่วีเราก็ช่วยพี่วีจัดเต้นท์ สักพักพี่บี๋กับกิฟท์ก็ตามมา ไม่นานพี่พรุนก็มาพร้อมรถTime Trial คันใหม่ พี่บี๋พี่พรุนมายังพอมีเวลาปั่น warm แต่ สองหนุ่มคลองรังสิตสิ เล่นซะ ใจหายใจคว่ำ หนิงเลยต้องไปเซ็นชื่อแทนนักกีฬา เพราะฉะนั้นยังไงเสียหนุ่มคลองรังสิตก็ยังพอมีเวลา ก่อนที่เขาจะปรับให้สละสิทธ์ นักแข่งคนแรกที่เริ่มปั่น เป็นนักแข่งรุ่น open หรือรุ่นทั่วไป ตามด้วยรุ่น 30,40 และ50อมีเวลา

พูดถึงการแข่งแบบ Time Trial คือการปั่นจับเวลาคนเดียว ในระยะสั้น สั้นที่วา่ก็มีตั้งแต่ 7 กิโล ไปจนถึง 50กิโล อย่างที่เคยเห็นใน tour de france ระยะที่ปั่นรอบถนนอุทยานอยู่ประมาณ 7กิโล ระยะขนาดนี้ ก็ไม่หมูนะ เพราะเรียกว่ามีแรงเท่าไหร ก็อัดกันหมด แถม ถนนที่นี้ ยังมีสะพานให้ปั่นขึ้นถึง 2สะพาน เรียกว่า เหนื่อยขาดใจ นักแข่งส่วนใหญ่จะwarm ก่อน บางคน ปั่นบนถนนจริง บางคน ปั่นบน trainer หรือ ลูกกลิ้ง ตามอัธยาศัย พี่วีเอาลูกกลิ้งมาให้ แต่พี่ๆก็ไม่กล้ากัน จะมีก็พี่พงษ์ที่มาที่หลังจนไม่สามารถปั่น warm บนถนนจริงได้ เลยลองมาปั่นลูกกลิ้ง มีพี่ปุ๊กยืนเป็น trainer ส่วนตัว ก่อนที่ชายหนุ่มจะแข่ง พี่ก้อยก็มาทันเวลา เนื่องจากว่า ตื่นเต้น อดใจไม่ไหวที่จะมาเชียร์

คนแรกในกลุ่มที่ออกตัวคือพี่บี๋ตามด้วยพี่พรุน พี่พงษ์และพี่เอี๊ยด ปล่อยตัวห่างกัน 1นาที งานนี้พี่พรุนได้ sponsor หมวกกันน๊อคจากพี่นุ พระราม9 เห็นแล้ว หนิงอดไม่ได้ที่จะบอกว่าคราวหน้า ขอแบบเบอร์ห่างๆกันหน่อย เวลาคนแรกที่ถึงก่อนให้เอาหมวกมาให้คนที่2ใส่ อิอิ มันช่วยเรื่องเวลาได้จริงๆ (เรื่องอย่างงี้มีแต่ผู้จัดการคิดได้นะ) หมวกที่พี่พรุนใช้ เป็นหมวก Time trial มันจะลู้ลม จะเร็วขึ้นอีกนิด แต่หมวกอย่างนี้ก็ราคาไม่เบา ถ้าจะมีไว้ครอบครองสักใบ ก็เป็นเรื่องคิดหนัก เพราะหาโอกาสใช้ยาก

หลังจากปล่อยตัวนักกีฬาชายของเราไปแล้ว พวกเราหน้าม้าทั้งหลาย ก็ย้ายด้านมาอีกฝั่งถนน มาคอยเชียร์ พวกเราเห็นพี่พรุนปั่นมาลิ่ว เรียกว่าเกือบทันพี่บี๋ที่ออกไปก่อนหน้า เรียกว่าถ้าระยะไกลกว่าอีกหน่อย พี่บี๋ต้องซื้อรถ Time Trial แน่ เพราะเห็นจากที่พี่พรุนควบมาแล้ว

ตามมาไม่ห่างนักก็พี่พงษ์ แล้วพี่เอี๊ยดตามมาตามลำดับ พวกเราวิ่งไปรอหน้าเส้น พี่ๆทยอยกันเข้ามา แบบอาการหน้าห่วงเหมือนกัน พี่ปุ๊กกับกิ๊ฟ 2ศรีภรรยา เตรียมผ้าพัดโบกพัดวีสารมี เส้นทางแค่นี้แต่พี่ๆก็เหนื่อยขาดใจ หมวกที่พี่พรุนใส่ เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เราพักผ่อนตามอัธยาศัย ช่วงนั้น ผู้จัดการทีม เริ่มทำงานนอก ช่วย ผู้จัดแข่งทำโน่นนี้ มีสัมภาษณ์ขำออก candid video

หลังพักกันไม่นานอาหารก็ถูกนำมาให้นักกีฬา จริงๆแล้วผู้จัดการทีมมัวแต่รับงานนอก กับเดินทักคนไปทั่ว พอเดินไปบอกนักกีฬาว่าอาหารมาแล้วจ๊ะ อยู่ตรงโน้น พี่วีผู้มากด้วยประสบการณ์ การเป็นผจก. เลยบอกว่า หนิงควรจะไปเอาอาหารมาให้นักกีฬา เอาสิ หน้าที่จริงๆของผจก.นี้นา ว่าแล้ว หนิงก็โกย 4ตีน วิ่งไปขอข้าวกล่อง “เอามาเลยน้อง 8กล่อง ใส่ถุงมาเลย” ว่าแล้วก็หิ้วถุงอาหารถุงใหญ่ แล้วก็กลับไปเอาน้ำ พี่วีคงสงสาร เลยวิ่งมาช่วย

หลังทานข้าว ผลการแข่งขันก็ออก พี่พงษ์ไปสืบดูเวลาในแต่ละรุ่นมาเล่าสู่กันฟังว่า ใครได้อะไรอย่างไง
เวลาที่ดีที่สุดในหมู่พวกเราคือพี่พรุน ซึ่งก็เป็นไปตามคาดหมาย แต่ที่ขำขันคือ พี่เอี๊ยดหาชื่อตัวเองไม่เจอ เดินมาโวยกับหนิงว่าเซ็นชื่อให้หรือเปล่า ไอ้เราก็บอกว่าเซ็นแล้ว พี่แกก็ยังโวยว่าทำไมไม่มีชื่อ หน้าที่ต่อมาของผจก.คือ ไปเช็คเวลาให้ลูกทีม หนิงเดินหาพี่หุ่น เพราะพี่หุ่นเป็นคนรับผิดชอบเรื่องเวลา Time Trial พี่หุ่นส่งใบเวลามา ‘อ๊ะ นี้ไงชื่อพี่เอี๊ยด’ 11นาทีกว่าๆ หนิงเดินไปบอกพี่เอี๊ยด คุณพี่ก็ยังเดินไปดูแล้วกลับมาโวยอีกว่าไม่มีชื่อ หนิงเลยอ่อนใจบอกพี่ที่รักว่า เชื่อน้องเถอะ น้องบอกว่ามีชื่อก็มีชื่อ แถมบอกเวลาให้พี่ด้วย พี่เอ๊ียดก็ยังสงสัย แต่ท้ายที่สุด พี่ๆก็ช่วยกันปลอบพี่เอี๊ยดว่า ถ้าผจก.ไปดูมาแล้วว่ามีก็คือว่ามีละ
ก่อนกลับเรานัดเวลาวันรุ่งขึ้น โดยขึ้นรถที่บ้านพี่เอี๊ยดตอน6โมงเช้า เนื่องจากเป้นบ้านชายโสดและอยู่ใกล้จุดปล่อยตัว พี่ก้อยขับรถรับคน หนิงขับรถขนของ เป็นอันตกลงกัน โดยมีพี่วี พี่บี๋ พี่พรุน ช่วยกันติดrack จักรยานให้บนหลังคา 3อัน ส่วนจักรยานพี่พงษ์ หนิงจะใส่ในรถให้

หนิงกับพี่ก้อยยังแวะไปทำงานนอกต่อ น้องๆที่เป็นกรรมการปีนี้ชุดเดิม ลูกศิษย์พี่ไก่ หนิงแอบคิดเล่นๆว่าจะติดสินบนน้องๆ ให้ลดเวลาให้ลูกทีมซะหน่อย อิ อิ แต่ก้ไม่ได้ทำ กลัวกรรมตามสนอง
กลับบ้านไป เลยแวะซื้อน้ำต่างๆเอาไว้ก่อน และเลยเติมน้ำมันเต็มถังไว้เลย


Stage 2 ธัญบุรี -กบินทร์บุรี 120 กิโล

วันนี้หนิงนัดหมอนวดเจ้าเก่า ‘พี่ชั้น’ไปด้วย หนิงใช้บริการมา 2ปีแล้ว ปีนี้เลยขอพกมาให้บริการพี่ๆด้วย หนิงนัดพี่ชั้นเช้าตี5ครึ่งหน้าบ้าน จะได้ไปด้วยกัน แต่ว่าตอนตามขบวน ว่าจะให้พี่ชั้นนั่งไปกับรถตู่ อสมท. Sponsor พระรามห้า เพราะคนขับรถยังใหม่ ยังไงพี่ชั้นก็จัดการอะไรได้บ้าง

แต่เจ้ากรรม นาฬิกาดันไม่ปลุกตามเวลา แต่ด้วยความโชคดี ลืมตามาเห็นแสงจางๆจากหน้าต่าง ก็พลันตกใจ รู้แล้วว่าเลยเวลา แต่มันกี่โมงแล้วละ ดูเวลาก็ยังใจชื้นว่าเพิ่ง ตี5ครึ่ง ยังไม่ใช้เวลานัด และก็ดีที่ว่าหนิงอาบน้ำไวมาก เลยลงมาภายใน 10นาที รีบบอกให้พี่ชั้นขึ้นรถ แค่แวะซื้อน้ำแข็ง แต่น้ำแข็งดันหมด ไม่มี เลยรีบบึ่งรถมายังบ้านพี่เอี๊ยด ทันทีที่ข้ามคลองหน้าหมู่บ้าน ก็เห็นรถ 2คันอยู่ด้านหน้า คือรถพี่ก้อย และพี่บี๋ ยังดีใจว่าเราไม่สาย รถ3คันมุ่งหน้าไปบ้านพี่เอี๊ยด พี่ก้อยขับมาคนเดียว โดยในรถได้เคลียร์พื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่พรุนมากับพี่บี๋ ส่วนพี่พงษ์ เปลี่ยนไปเจอกันที่ธัญบุรีเลย ส่วนเจ้าของบ้านยังอยู่ในชุดนอนเลย พี่เอี๊ยดบ่นว่านอนไม่หลับ ตื่นเต้น เพราะวันนี้ปั่นไกล และก็ขึ้นเขาด้วย หนิงบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ไหวก็ขึ้นรถ พี่เอ๊ียดใช้เวลาไม่นานนักในการแต่งตัว เพราะในขณะเดียวกัน พวกพี่ๆคนอื่นก็จัดรถ จัดจักรยานกัน เมื่อทุกอย่างพร้อม เราทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนธัญบุรีเลย

ที่นั้นเราเห็นนักแข่งไม่มากนัก อาจเพราะกำลังเดินทางมา พวกเราจอดรถ จัดการเตรียมจักรยาน พี่ๆเช็คยาง
หนิงเดินหาน้ำแข็งเพื่อมาแช่น้ำเย็นๆไว้คอยท่า พี่ก้อยช่วยตรวจสอบเบอร์ โดยต้องติดไว้ข้างหลัง ตอนนั้นหนิงได้ข่าวว่ามีการเปลี่ยนเส้นทาง จึงรีบหาข้อมูลด่วน พี่โป้งประชุมทีม marshall หนิงเลยโผล่ไปฟัง ได้ความว่า เอกสารที่ขอขึ้นเขาใหญ่ไม่ผ่าน อันนี้ไม่รู้ว่าใครไปสำแดงเดชเอาไว้ ได้ความดังนั้น หนิงก็คาบข่าวไปบอกพี่ๆ โดยเฉพาะพี่เอี๊ยด ใจนึงก็ดีใจ อีกใจก็คงเสียดายว่าอดทดสอบตัวเอง เส้นทางวันนี้จึงเป็นเส้นทางเรียบๆ ไม่มีเขา โดยปั่นออกจากคลอง 6 มุ่งหน้าไปปราจีนบุรี ผ่านหน้าโรงเรียนนายร้อย นครนายก มุ่งสู่ปราจีน โดยไม่เลี้ยวขึ้นเขาใหญ่ แต่มุ่งตรงไป กบินทร์บุรี โดยทุกรุ่นจะเข้าเส้นชัยเดียวกัน งานนี้กรรมการหน้าเส้นทำงานหนักหน่อย

นักแข่งเริ่มทยอยมา ขณะนั้นมีนักแข่งท่านนึง มาขอติดต่อรับเบอร์ ดูจากท่าทางแล้ว น่าจะเป็นนักปั่นทัวร์ริ่งมากกว่า แต่ก็ให้เบอร์ไป นักแข่งท่านนี้ปั่นในรุ่น 50 ซึ่งก็ไม่ได้แรงอะไรมากนักในกลุ่มใหญ่ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่สุดท้ายก็เข้าเส้น แต่ก้ไม่มาร่วมแข่งอีก ในวันรุ่งขึ้น เห็นจากตอนเข้าเส้นก็ยังดีใจว่าไม่เป็นอะไรไปซะก่อน

นักแข่งต่างชาติเริ่มทยอยมากับรถบัสที่จัดให้ หลังรับรถแล้ว นักแข่งก็ทยอย กันไปลงชื่อ ก่อนที่จะมีการปล่อยตัว สำหรับทีมการบินไทย พี่ๆเตรียมพร้อมกันแล้ว ทั้งอาหารการกิน ที่หนิงจัดหามาให้ พร้อมบังคับให้พกกันไป เพื่อเอาไว้เวลาหิวระหว่างปั่น พี่พงษ์มีพี่ปุ๊กมาส่ง พร้อมสปาเก็ตตี้หม้อใหญ่ พี่บี๋เอื้อเฟื้อซาลาเปามาให้ หลังจากที่จัดแจงทุกอย่าง รวมทั้งได้ทดสอบวิทยุน้อย ว่าได้ยินดี หนิงก็จัดการต้อนนักแข่งที่เหลือให้ไปลงทะเบียน

ปล่อยตัวช้ากว่าที่บอกไว้นิดหน่อย นักแข่งเริ่มทยอยไป หนิงกับพี่ก้อยขับรถไปคนละคัน โดยพี่ก้อยมีแหม่มสาวชาวอเมริกันชื่อ Jennifer นั่งไปด้วย โดย Jenny จะติดตามถ่ายรูป นักแข่งสามีเธอ ส่วนหนิงขับเดี่ยว โดยจะขับตามกลุ่ม 40 ไปเรื่อยๆ

ถ่ายไป ก็นับไปว่าเด็กๆในทีมอยู่ ก่อนRestart อีกครั้ง พี่บี๋วอมาบอกว่าไม่ต้องตาม แต่จากประสบการณ์ หนิงว่า ไม่ตาม แต่ก็ไม่ควรห่าง มาก หนิงเลย ใช้วิธี ขับนำไปก่อน หาจุดถ่ายรูปดีๆรียบร้อยกันด

จากจุด Restart หนิงขับเรื่อยๆ เจอฟิลิปินส์ยางแตก เลยจัดล้อ spare ให้1ข้าง ขับมาเรื่อยๆ จำได้ว่าพี่เอี๊ยดสั่งเสียก่อนจะออกตัวว่า ให้หาสัปะรด ภูแลที่คลอง 10ให้หน่อย จะได้มีทานตอนแข่งเสร็จ หนิงเลยขับไป หาไป จนผ่านคลอง 10 มาแล้วก็ยังไม่เจอ จนถามชาวบ้าน เขาว่าเลยไปอีก 6-7 โลถึงจะมี ตอนนั้นวิ่งลงไปถ่ายรูป นับคนว่าเด้กๆอยู่ดี แล้วก็ขับต่อไป หนิงทำอย่างนี้เรื่อยๆ จนเลี้ยวซ้ายแยก จปร. จึงจอดรถรอขบวน ขณะเดียวกัน ก็เตรียมน้ำใส่ถุง ตอนแรกว่าจะจัดไปทีละขวด แต่ว่ากว่าจะได้กันครบ คงถึงเส้นชัยพอดี ว่าแล้ว ก็จัดใส่ถุงเลย ถุงใหญ่ 4ขวด ขณะที่ขบวนผ่านไป ก็ตะโกนเรียก marshall ได้มาคน ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องวิน น้องmarshall ที่รู้จักมักคุ้นกันมานาน หนิงบอกวินว่า ‘ให้ทีมการบินไทย ใครก็ได้นะ เดี๋ยวแจกกันเอง’ น้องวินรับคำอย่างดี จากจุดนั้นก็เกือบครึ่งทางแล้ว น้ำท่าที่ทางผู้จัดแจกก็มีตลอดทาง หนิงเลยเบาใจว่ายังไงซะ ก็ไม่อดตายแน่ๆ อิอิ



หนิงขับตามกลุ่ม 40 ไปเรื่อย จนเลยทางเข้าเขาใหญ่ เส้นทางช่วงที่ออกจากนครนายกมุ่งสู่ปราจีน และเส้นที่มุ่งหน้าไป กบินทร์ เป็นทางสองเลน สวนกัน เวลาแซงกลุ่มนักแข่งจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่งั้นถ้าไม่ชนกับรถที่สวนมาก็ชนกับmarshall หรือนักแข่งแน่ เพราะฉะนั้น ถ้าจะแซง จึงต้องดูให้ดีก่อน แต่ส่วนใหญ่แล้ว marshall จะโบกให้ในจังหวะที่แซงได้ แล้วเราก็ต้องรีบๆไป อีกที รถที่สวนมาก็ดีมากขนาดว่ายอมจอดให้รถทางเราไปก่อน

ก่อนเข้าถึงเส้นชัย ถนนได้ขยายมาเป็น 4เลน ซึ่งก็ทำให้การจราจรไม่คับคั่ง และก็ดีสำหรับนักแข่งที่จะเข้าเส้น ช่วงก่อนเข้าเส้นสัก 10 โล ได้ยินว่ามีกลุ่มล้ม ก็ไม่รู้ว่าใคร แต่แน่ๆ เช็คแล้ว ไม่มีทีมการบินไทย ในช่วง 3โลก่อนเข้าเส้น รุ่น 40 ก็มีล้มกันกลุ่มใหญอีก่ แต่พี่ๆ ก็รอดมาได้แบบหวุดหวิด ชนิดที่พี่พรุน พี่พงษ์ บอกว่า นึกว่าแย่แล้ว เพราะมีช่องเล็กนิดเดียว แค่ล้อจักรยานผ่านได้เท่านั้นแหละ แต่รอดมาได้ หนิงก็ดีใจโข เพราะยังมีอีกหลายท่านที่อยากลองแข่งจักรยานทางไกล แต่หนิงขอบอกเลยว่า ถ้าขี่ในกลุ่มไม่แข็ง ก็ไม่อยากให้มา เพราะอาจได้รับอุบัติเหตุได้ การแข่งขันจักรยานทางเรียบ โดยต้องsprint เข้าเส้นอย่างนี้ มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

หลังจากเข้าเส้น หนิงจัดแจงหาน้ำหาท่าให้พี่ๆ พร้อมขนมผลไม้ เรานั่งพักใกล้ทีมจากสิงค์โปร์ มีการชักชวนทานขนม ทีมนี้เป็นทีมใหญ่ นักแข่งเป็นฝรั่งที่อาศัยในสิงค์โปร์ ที่บางคนก็เคยมาแข่ง บางคนก็ไม่เคย แต่การออกมาแข่งแบบนี้ หายากในภูมิภาคแทบนี้ เพราะโดยส่วนใหญ่ จะให้เฉพาะ นักแข่งอาชีพ หรือทีมชาติแข่งเท่านั้น

จากนั้นเราไปทานข้าวกลางวัน อาหารที่จัดให้เป็นอาหารกล่อง

หลังจากนั้นเราcheck in เข้าห้องพัก พี่ก้อยไปจัดการเรื่องนี้ให้ เราได้ห้องชั้น 11 ติดกัน3ห้อง แต่ว่าห้องยังไม่ได้ทำความสะอาด เราขับรถไปหน่อย ก็ถึงร้านอาหาร พวกพี่ๆเลยรวมตัวกันห้องนึง เรานั่งคุยเล่นกัน พี่ๆเล่าถึงตอนที่ล้ม ที่ร้านน้ีเขาจัดเตรียมอาหารกล่องไว้ให้ และเรื่องที่หนิงส่งน้ำมาให้ทั้งถุง พี่พรุนบอกว่า ส่งให้ถูกคนมากๆ เพราะ น้องวิน นำส่งให้พี่พงษ์ ผู้ซึ่งมีความสามารถในการรับส่งอาหารให้ทีม พี่ๆ พักผ่อนซักผ้า โรงแรมที่พักจัดว่าดีมากๆ และเป็น เครือเดียวกับที่ลูกเรือนอนพี่ๆจัดแจงเอารถขึ้นรถหนิงพวกเราพร้อมใจกันทานอาหาร ก่อนที่จะเดินทางไป แล้วย้ายไปนั่งรถพี่ก้อยที่เชียงใหม่ เราพักที่เดียวกับผู้จัดและนักกีฬาต่างชาติ และทีมไทยบางทีม ที่ให้ผู้จัดจัดการจองให้ ช่วงบ่ายวันนั้น พี่ๆพักผ่อน พี่ชั้นเริ่มทำงานโดยไปนวดให้พี่ปุ๊ยก่อน แล้วมานวดพี่ๆต่อในห้อง

บ่ายแก่หนิงลงไปว่ายน้ำ เรียกว่าลองสระ กลับขึ้นมาอาบน้ำ ก็ได้เวลาพาพี่ๆ ไปทานข้าว งานแข่งนี้เขาเลี้ยงอาหาร 3มื้อ ตอนเย็นเราก็ต้องกลับไปทานที่ร้านเดิมที่ทานเมื่อกลางวัน ค่อนข้างไกลจากที่พัก แต่เราก็ไม่ลำบาก ส่วนนักแข่งต่างชาติก็ไปโดยรถบัส คืนนั้นเราไปสายเพราะร้านอาหารบอกว่า ไปเร็วอากาศจะยังร้อน แต่พอเราไปถึง กลับพบว่าอาหารมีไม่พอ ทางร้านจัดทำเพิ่ม แต่เราก็ต้องรอ เรียกว่ารมณ์เสียตามๆกัน เย็นนั้น พี่ๆบอกว่าจะไปกินโต้รุ่งต่อ หนิงกะพี่ก้อย เลยขออยู่ ช่วยน้องๆเรื่องผลแข่ง ที่มีคนมาร้องทุกข์ต่างๆนานา โดยเฉพาะต่างชาติ ที่พวกเราต้องทั้งอธิบายทั้งขู่สารพัดรูปแบบ

คืนนั้น พี่ๆแยกนอน พี่พงษ์ พี่เอี๊ยดนอนด้วยกัน อีกห้องก็พี่พรุนและพี่บี๋ ส่วนหนิง พี่ก้อย และหมอชั้นก็นอนด้วยกัน คืนนั้น พี่ชั้นนวดจนดึกดื่นถึงได้กลับมานอน

Stage 3 กบินทร์บุรี- ปราจีนบุรี-ศรีมหาโพธิ์- กบินทร์บุรี ระยะ 160 กิโล


สำหรับวันนี้ยังถือว่าเป็นวันสบายๆ เพราะไม่มีเขา ผจก.ได้บอกเด็กๆว่า ขอแค่อยู่ในกลุ่มให้ได้แบบเมื่อวานก็พอ เรากลับไป startที่ร้านอาหารร้านเดิม ร้านนี้ผูกขาดการแข่งขันครั้งนี้ ทั้งเริ่มทั้งจบทุกวันก็ร้านนี้ ตอนเช้าหนิงจัดหาซื้อน้ำเกลือแร่ไว้ให้ แต่วันนี้ ไม่ได้ เกตเตอเรดของพี่เอี๊ยด เพราะ พวกเล่นซื้อกันไปหมดตั้งแต่เย็น เลยได้พวก m100 มาแทน วันนี้ตกลงกับพี่ก้อยว่าจะไปรถคันเดียว ถึงแม้ในใจก็ไม่มั่นใจเนื่องจากกลัวอุบัติเหตุอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้นักแข่งเราเลิกได้ แต่ก็ได้ภาวนาให้พระคุ้มครองพี่ๆ นี้ก็เป็นอีกหน้าที่นึงที่ผจก.พึงกระทำ คือถือไสยศาสตร์ด้วย

เราจอดรถไว้ริมถนนให้พี่ๆ จัดการเตรียมรถกันตรงนั้น ทุกวันที่เตรียมตัว จะมีทีมสเปฯ มาจอดข้างๆกัน เป็นที่เฮอาก่อนแข่งเสมอ ทุกวัน หนึ่งหัวหน้าแก็งเด็กซ่า จะเปิดเพลงเสียงดังเป็นการอุ่นเครื่อง
วันนี้พี่สุวิทย์ขอให้ช่วยส่งผลไม้ให้ระหว่างทาง ซึ่งเราก็รับปากโดยดี เพราะพี่สุวิทย์เอื้อผลไม้มายังทีมเราด้วย ประกอบกับ ยังไงเสีย พี่สุวิทย์ก็แข่งรุ่น 40 เหมือนกัน
วันนี้ผู้จัดปล่อยกลุ่ม 40 ไปพร้อมผู้หญิง งานนี้ ผู้หญิงจะเหนื่อยหน่อย เพราะ รุ่น 40 เขี้ยวมาก หลังเซ็นชื่อ พี่ๆ ก็ออกไป warm นิดหน่อย วันนี้ไม่มีการไป restartอีก เป็นการปล่อยตัวทีเดียวเลย จากนั้นจะU turn แล้วปั่นตรงมุ่งหน้า ปราจีนบุรี อ้อมเมืองเป้นวงกลม แล้วกลับมาจบที่จุด start สำหรับรุ่น open 30,40 ส่วน lady , 60 ,เยาวชน จบก่อนระยะแค่ 70กว่าโล พี่เอี๊ยดมีบ่นประปลาย ในขณะที่พี่พรุน กับพี่บี๋ดูจะหนักใจ เพราะสารภาพมาว่าซ้อมอย่างเก่งก็แค่ 80-90โลเอง ส่วนพี่พงษ์ไม่พูดอะไร ในใจคิดว่าหมูแหงๆ

เริ่ม start ไปเรื่อยๆ หนิง พี่ก้อย และ Jenny มารวมตัวกัน เราขับรถตามไปเรื่อยๆ พี่ก้อยอยู่หลังรถ มีหน้าที่หลายอย่าง เริ่มจาก ถ่ายรูป ปอกผลไม้ นับเด็กๆ คุยกะ Jenny เรียกว่าหนิงขอให้ทำอะไร พี่ก้อยทำได้หมด หนิงยังคงใช้แผนเดิม คือตามกลุ่มไปก่อน แล้วก็ค่อยๆแซง ช่วงนี้ Jenny จะทำการถ่ายรูป เสียงกด shutter รัวทีเดียว พอแซงไปหน่อย หนิงก็จะจอดดักถ่ายเป็นระยะ ถ้าหนิงถ่ายรูป พี่ก้อยก็จะนับเด็กๆ ถ้าหนิงขับรถ พี่ก้อยก็จะถ่ายรูป เราทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนช่วงระยะนึง รถตามทั้งหลายเกือบจะหยุด ช่วงนั้นเองที่มีการชนกันเกิดขึ้น พี่เอี๊ยดเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงหมวยเกี่ยวกับฝรั่งล้ม อยู่ข้างหน้า พี่เอี๊ยดเองไม่รู่จะทำไง เลยใช้วิธี ปั่นเหยียบล้อขึ้นไปเลย ส่วนพี่ๆคนอื่นๆก็หลบกันมาอย่างหวุดหวิด
หลังจากล้ม หนิงก็ให้พี่ก้อยเป็นคนนับหัว พี่ก้อยบอกอยู่ครบ สบายใจ เรายังคงทำหน้าที่ต่อไป พี่ก้อยเริ่มส่งผลไม้ให้ marshall เอาไป ให้ มาถามตอนหลัง พี่ๆบอกว่าไม่มีใครได้ผลไม้กินเลย ไม่รู้ว่าmarshall แอบเอาไปกินหมดรึเปล่า แต่พี่พรุนเองมาบอกอีกวันว่า ไม่เอา เพราะย่อยไม่ทัน ส่วนพี่สุวิทย์เจ้าของผลไม้ ได้รับผลไม้อย่างไม่มีปัญหา
ผ่านมาจนเกือบจะถึงเส้นชัยแรกของผู้หญิง ถนนช่วงนี้ยังทำอยู่ ราดยางมะตอย อุบัติเหตุเกิดอีกครั้ง พี่บี๋บอกว่า เห็น cannondale ลงไปกอง พี่บี๋ว่าเมื่อวานมันก็ล้ม พี่บี๋แอบบอกว่าท่าทางรถจะแข็งแรงดี ล้มได้ทุกวัน สภาพรถยังดี จริงอย่างพี่บี๋ว่า ท่าทางพี่บี๋คงเปลี่ยนมาใช้ candale อีกครั้ง( หลังกลับจากแข่งพี่บี๋ก็ถอย cannondaleมาอีกจนได้)
ตอนรถเราผ่าน ก็ยังเห็นกองที่พื้น แต่ไม่เป็นอะไรมาก จนผู้หญิงเข้าเส้น ชายรุ่น 40 ยังคงต้องปั่นกันต่อไป ช่วงนี้ถนนใหญ่แล้ว ไม่ใช่ถนน 2เลนอย่างช่วงแรก Jenny ถามว่านี้ high way เหรอ เอ ไอ้ถนน 4เลนอย่างเนี้ยบ้านเรา เรียก high way เลยเหรอ แต่ก็บอกไปว่าใช่นะ Jenny งงนิดๆว่า เขาอนุญาตให้ปั่นได้เหรอ(อยากบอก Jenny ว่าเนี้ยละ วิถีไทย) สามสาวเริ่มเบื่อโดยเฉพาะ Jenny ที่อยากตามรุ่น open มากกว่า แต่หนิงคงตามให้ไม่ได้ เพราะอย่างไงเสียก็ต้อง service ทีมเราก่อน จะขับขึ้นไป ให้ Jenny เป็นระยะ เวลากลับมาที่กลุ่มเดิม ก็ให้พี่ก้อยทำการ check

หลังจากขึ้น high way มาสักพัก ก็เกิดอุบัติเหตุอีก ครั้งนี้หนิงเห็นจังๆ เพราะกำลังถ่ายรูปจากบนสะพาน พี่ก้อยบอกเห็นเด็กเราผ่านไปบ้าง แต่ไม่รู้ว่าครบไหม หนิงเลยวิ่งอ้าวไปดู เห็นไม่ ซีเรียส และ ไม่มีการบินไทยล้ม เลยรีบแจ้นมาขึ้นรถ ขับตามกลุ่ม ให้พี่ก้อยเช็คอีกที พี่ก้อยขานครบ เราตามกลุ่มมาเรื่อย ดักหน้า ดักหลังมาเรื่อย เกือบถึงกบินทร์ ก็ได้รับแจ้งจากรถน้ำว่า หนุ่มการบินไทยรายนึงหลุดอยู่ข้างหลัง เราก็แปลกใจว่าเกิดอะไร ล้มหรือว่ายางแบน ที่ไหนได้ เป็นพี่เอี๊ยด พี่ชายที่รัก บอกตาโทรมา นั้นไงว่าแล้ว ตา(คริว)มาทีไร ได้เรื่อง พีี่เอี๊ยดปั่นประคองมาเรื่อยๆ มีรถประกบหลัง จนผ่านเมืองกบินทร์ เลี้ยวซ้ายกลับไปจุด finish ไปได้สักพัก พี่เอี๊ยดก็จอด บอกไม่ไหวแล้ว เราถามแน่นะ อย่างนั้นขึ้นรถ เราช่วยกันเก็บรถ ขับผ่านมาได้หน่อย เห็นป้ายว่าอีก 10 กิโลจบ พี่เอี๊ยดยังไม่เจ็บใจเท่ายังเห็นคนปั่นกันอยู่ เพราะพี่เขาคิดว่า นักแข่งคงจะเข้ากันหมดแล้ว ตอนนี้เริ่มเสียดาย หนิงได้แต่ปลอบว่าไม่เป็นไร ถ้าฝืนปั่นจะเจ็บเพราะตา(คริว)มากกว่านี้แล้วจะทำให้พรุ่งนี้ปั่นไม่ได้ กลับเข้ามาเส้นชัย พี่ๆที่เหลือ เข้าเส้นมาครบ โดยพี่พรุนเข้ามาก่อน ส่วนพี่บี๋ พี่พงษ์ หลุด เพราะมีช่วงกระชาก และปิดการจราจรไม่ดี แต่ถึงยังไง วันนี้พี่ๆทุกคนก็ปลอดภัย และการปั่นวันนี้ก็ถือว่าดีแล้ว

เราเก็บรถหลังจากรายงานตัวเข้าเส้น หนิงจัดแจงเอาอาหารใส่ถุง บอกพี่ๆว่าไปทานที่โรงแรมดีกว่าจะ ได้พัก ผ่อน และให้พี่ชั้นนวดด้วย

คืนนี้พี่ๆขอตัวไม่ทานอาหารเย็นที่งาน คงเพราะกลัวว่าอาหารไม่พอ และคงไม่ถูกปากกันจริงๆ ส่วนหนิงกะพี่ก้อย ก็ไปสำรวจตรวจดูว่ามีใครต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้างอย่างไร ก็ช่วยๆกันไป

คืนนี้หนิงจัดหาเครื่องดื่มเอาไว้ให้เนื่องจากว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันที่หนักทีเดียว เพราะกรรมการจัดเส้นทางขึ้นเขาให้ได้ นั้นหมายความว่าพี่ๆ ต้องปั่นเขากันถึง 2ลูก โดยเฉพาะลูกสุดท้าย คือเขาใหญ่ฝั่งปากช่อง เรียกว่าเป็นการพิสูจน์ว่าใครจะอยู่จะรอด คืนนี้พี่บันดาล บิดมอไซค์ มาร่วมแจม วันรุ่งขึ้น พี่บันดาลทำหน้าที่ช่างภาพได้สมภาคภูมิทีเดียว

Stage 4 กบินทร์บุรี- วังน้ำเขียว-เขาใหญ่ฝั่งปากช่อง

วันนี้ตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสดใส(รึเปล่า) หนิงทำหน้าที่ปลุกพี่ๆ โดยเฉพาะห้องพี่เอี๊ยด พี่พงษ์ ไม่ต้องห่วง 2คนนั้นเขาเตรียมพร้อม ทุกวัน ที่ปลุก ส่วน ผจกหนิง กะผจกก้อย ก็เตรียมตัว วันนี้เราตกลงว่าเอารถไป 2คัน เพราะว่าขากลับจากเขาใหญ่ จะได้แบกคน แบก รถกลับมาได้ วันนี้พี่ก้อยพาเจนนี่นั่งไปด้วย ส่วนพี่บันดาลมากับหน เพราะพี่บันดาลอาศัยนอนห้องนี้ด้วย ส่วน พี่บี๋ พี่พรุนิง วันนี้หนิงต้องประกบแต่กลุ่ม 30 เพราะบนเขา อาจจะมีเหตุให้ช่วยได้

เราต่างไปทานข้าวเช้า แบบทางใครทางมัน ดูเป็นทีมดีจริงๆ วันนี้ดูพี่พรุนพร้อมหรือเพราะตื่นเต้นไม่รู้ ส่วนคนที่กลัวเขาอย่างพี่เอี๊ยดก็กลับทำตัวสบายๆ เราขับรถแบกคน แบกจักรยานไปจุดปล่อยตัว วันนี้Ladyยังคงปล่อยร่วมกับ หนุ่มใหญ่ วัย 40 แต่สาวๆ เขาจะเข้าเส้นก่อน บนเขา เลยจุด จ้าวภูเขาไปหน่อย เส้นทางวันนี้ ฟังๆดูก็เหมือนว่าจะโหดช่วงสุดท้ายที่ขึ้นเขาใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว เขาลูกแรก ก็เอาเรื่องทีเดียว เพราะเขาขึ้นยาว เกือบ 7กิโล แถมช่วงวังน้ำเขียว เป็นช่วงที่นวดขา นวดน่องได้ดีทีเดียว หลายคนที่ถอดใจแถวนี้ก็มี

หลังเซ็นชื่อพี่ๆก็ปั่น warm เสร็จ แล้วก็มายืนทำใจ หายใจลึกๆ กำหนดใจไม่ให้สติแตกก่อนปั่น เช้านี้ยังได้ยินพี่เอี๊ยดบ่นเสียดายเรื่องเมื่อวานนิดหน่อย หลังจากปลอบใจ พี่เอี๊ยดก็ปรับเข้าโหมดนักรบจนได้ พี่ๆปั่นเริ่มต้นไปกับกลุ่น เส้นทางลัด ไม่ผ่านแยกกบินทร์ หนีความจอแจ มาออกถนนเส้นที่มุ่งหน้า นครราชสีมา หนุ่มๆการบินไทยยังปั่นเกาะกลุ่มอย่างดี วันนี้ให้พก chocolate bar ไปด้วย สำหรับบางคน ส่วนพี่พรุน บอกว่า gel มีพอ เราก็สบายใจ พี่ๆยังคงเกาะกลุ่มไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีเนินให้โยกกันบ้างก็ตาม หนิงขับรถปาดให้พี่บันดาลถ่ายรูปการปล่อยตัวเริ่มเป็นตามลำดับ หนุ่มๆยังอยู่กันครบ ขับกันมาจนเห็นทางขึ้นเขา เริ่มจาก open , จนถึง 40อย่างเมามัน พี่บันดาลแอบถามว่า ถ่ายเยอะๆ แล้วพี่ก้อยไม่ว่าเหรอ หนิงบอกว่า ถ่ายไปเถอะ คราวนี้อนุญาต พูดจบ พี่บันดาลก็กดไม่เลี้ยง หนิงขับตามเรื่อยๆ ป้ายบอกว่าขึ้นยาว 5กิโล หนิงบอกพี่บันดาลว่าหามุมดีๆถ่ายกันเถอะ ีอีกอย่างจะได้จอดรถ service หนุ่มๆด้วย เราไปได้มุมสวยด้านบน ก่อนใคร เป็นมุมที่สามารถจอดรถ service ทีมได้ดี หนิงนึกถึงวันเก่าๆ ทีปั่นแข่งหลายปีก่อน ช่วงขึ้นเขาอย่างนี้เหนื่อยดีนักแล เป็นช่วงที่ถ้าใครมายืนรดน้ำให้จะมีความสุขมากๆ
เรามาดักจนรุ่นแรงๆ อย่าง open ผ่านไป ตามด้วย 30 ตัวเก็งในรุ่นยังมากันครบ หนิงเริ่มทำหน้าที่ถ่ายรูปไป ชะเง้อดูหนุ่มๆไป หลายรุ่นผ่านไป คนรู้จักที่ผ่านมาก็ส่งน้ำส่งขนมให้บ้าง เป็นการทำบุญล่วงหน้า เผื่ออานิสงค์จะมาหาเวลาหนุ่มๆTGขอความช่วยเหลือ หนิงเรื่มเห็นหนุ่มคนแรกขึ้นมา พี่พงษ์นั้นเอง พี่พงษ์ ปั่นมาไม่ห่างจากข้างหน้ามาก หนิงจัดแจงส่งน้ำ ส่งขนม ถามความได้ไม่กี่คำ พี่พงษ์ก็จากไป นักแข่งอื่นๆ เริ่มปั่นมาให้เห็น อย่างช้าๆ มีเร่งกันมาบ้างแต่ไม่แรงมากเท่ากับกลุ่มแรกๆ กลุ่มชาย 40 ทยอยกันขึ้นมาไม่ขาดสาย มีกลุ่มผู้หญิงปะปนมา รวมทั้งกลุ่ม30 บางคนที่หลุด กลุ่มก็ ปั่นตามๆกันมา เสียงหอบของนักปั่นที่พยายามเข็นเคี่ยวตัวเองเพื่อให้ผ่านพ้นเขาลูกนี้ สำหรับบางคนเส้นชัยก็ไม่ได้ห่างจากจุดนี้เท่าไหร่ แต่สำหรับบางคน ยังมีเส้นทางอีกยาวไกล และเขาใหญ่ๆอีก1ลูก

ไม่นานเกินรอ ในขณะที่พี่บันดาลหมกหมุ่นกับการถ่ายรูป หนิงก็เห็นกลุ่มชายหนุ่มการบินไทย ปั่นขึ้นมา คนแรกที่เห็นก้พี่พรุน พี่บี๋ และพี่เอี๊ยดตามลำดับ ซึ่งพี่ๆเกาะกลุ่มกันมา หนิงจัดแจงวิ่งส่งน้ำส่งอาหาร หนุ่มๆ ได้น้ำขนมไป หนิงก็เริ่มเบาใจ แต่ก็ยังคงวิ่ง sevice ให้นักแข่งที่หลุดกลุ่มทั้งหลาย ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก เพราะเวลาอย่างนั้น น้ำเย็นๆรดลงบนหลัง ไล่ความร้อนได้ดีทีเดียว แต่ว่าการทำอย่างนี้ Pro เมืองนอกไม่แนะนำให้ทำ เขาบอกว่าควรรด แค่หัว มือและเท้าเท่านั้น

เมื่อทีมผ่านไป หนิงกับพี่บันดาล ก็เคลื่อนตัวอีกครั้ง เราขับรถไม่นานก็เห็นพี่พรุนปั่นลงมา หนิงตกใจคิดว่าเกิดเหตุกับพี่พรุน มองดูสภาพ ก็ยังดีอยู่ แต่เอทำไมพี่พรุนถึงปั่นสวนลงมา จอดรถถาม ได้ความว่า เครื่องจับระยะ หล่นหาย กำลังจะปั่นหา ‘เอางั้นเลยเหรอ’ พี่พรุนตอบว่า ‘มันแพง’ โอเค เข้าใจ แต่ไม่แข่งต่อเหรอพี่ พี่พรุนบอกทีหลังว่าถ้าหาไม่เจอ ก็ไม่แข่ง จะหาก่อน… จัดไป
แต่ปั่นสวนไปไม่นาน คนดีผีคุ้ม พี่พรุนก็เจอเจ้าเครื่องที่ว่า เพราะมี marshall เก็บมาให้ โชคดีจริงๆ ว่าแล้วพี่พรุนก็ปั่นไปรวมกับ ทีมต่อ ทีมเราตอนนี้รวมกัน 3 คน ในทีมยังคงปั่นขึ้นเขาเรื่อยๆ ผ่านจุดเจ้าภูเขา เห็นบางคนตัดสินใจหยุด แต่ไม่ไกลกว่านั้น เป็นจุด finish ของรุ่น 50, 60 ,Junior, Lady ตรงนี้มีรถน้ำ จอดให้น้ำอยู่ เราจะเห็นผจก ของหลายๆทีม มายืนเช็คลูกทีมแถวนี้ ยิ่งทีมใหญ่ ผู้จัดการ ก็จะเหนื่อย เพราะถ้า ฝีเท้าลูกทีม ไม่เท่ากัน จะยากมาในการตรวจสอบ และดูแล โชคดีที่การบินไทย มีนักแข่งที่ฝีเท้าเท่ากันหน่อย ผู้จัดการเลยไม่เหนื่อยมากนัก เจอพ่อใหญ่ทีมสวนธน ปีนี้พ่อใหญ่ไม่แข่ง มารับงานขับรถserviceให้ทีมต่างชาติ พ่อใหญ่บอกอยากแข่ง เห็นแล้วก็สนุก ยังคุยๆกันว่าปีหน้าลงกัน ไหม

ช่วงนี้ปล่อยให้พี่พงษ์ปั่นไปคนเดียว เพราะคิดว่าอย่างไงก็สามารถ ปั่นไปกับนักแข่งคนอื่นๆได้ ส่วนที่เหลือ ก็สามารถไปด้วยกันได้ อย่างไม่มีปัญหา สำหรับพี่เอี๊ยด หลังจากเสียดายเมื่อวาน ก็ทำให้วันนี้ ตั้งใจที่จะจบให้ได้ ซึ่งวันนี้ หนิงก็ไม่ทิ้งกลุ่มแน่นอน

ปั่นผ่านจุด finish จุดแรกไปได้ ก็เป็นทางลงเขา พี่ๆคงสบายขึ้น นักจักรยานส่วนใหญ่ก็ชอบลงเขากันทั้งนั้น เพราะลมท่ีปะทะหน้า ช่วยคลายความร้อนได้ทีเดียว อย่างว่า ทางลงยอมมีแรงดึงดูดของโลกช่วยดึงลง ดังนั้นก็ไม่แปลกที่ขาลงจะเร็วกว่าขาขึ้น เร็วจนยังไม่หายเหนื่อย ก็ต้องออกแรงปั่นกันอีก บางทีเหนื่อยมากๆ ก็อยากให้ลงเขาสัก 10โล แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ต้องขึ้นเขาเป็น10โลเหมือนกัน

ปั่นมาได้พัก ทีมการบินไทยก็ได้เพื่อนร่วมทีม ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณบิลลี่นั้นเอง ปีนี้ดูคนบิลลี่ไม่แรงอย่างปีก่อนๆ ได้ความว่าปีนี้มาลงคนเดียว ไม่มีทีม สงสัยจะเหงา คุณบิลลี่มาปั่นรวมกลุ่มกับทีมการบินไทยหลังจากลงเขาลูกแรก แล้วยังมีศรีภรรยาขับรถตามด้วย เห็นแล้วหนิงสบายใจ เพราะตอนขึ้นเขาหนิงจัดน้ำรดหลังไปให้ที งานนี้บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นไม่มีจ๊ะ ได้แต่หวังว่าถ้ามีเหตุ เมียคุณบิลลี่จะเห็นใจ ช่วยเหลือบ้าง หนิงเลยปล่อยกลุ่มปั่นกันไป ปั่นมาไม่ไกลนัก ก็ต้องเลี้ยวซ้าย เขาวังน้ำเขียว เส้นทางนี้เรียกว่าเป็นเส้นทางในดวงใจของหลายๆคน กลุ่มจักรยานหลายกลุ่มก็เคยพากันมาปั่นหลายหนแล้ว และเส้นนี้เป็น1ใน เส้นทางในดวงใจของหนิงด้วย เหตุที่เส้นทางนี้ประทับใจหลายคน เพระาเป็นเส้นทาง rolling ตลอดเส้นทางจากวังน้ำเขียว สู่ถนน ธนะรัชต์ สองข้างทาง มี resort เก๋ขึ้นใหม่หลายแห่ง มองไปไกลๆ เห็นเขาใหญ่เป็นวิวหลัง มองดูเมฆ เห็นถึงความชื่นที่เขาไปอัดแน่น เตรียมกลั่นตัวออกเป็นหยาดฝน สำหรับเสือหมอบ คงไม่ชอบฝนกันนัก แต่เวลาแข่งขัน ไม่เข้าใครออกใคร ตกก็ปั่น ดีหน่อยที่ไม่ร้อนนัก

หนิงหยุดรอตรงเลี้ยวเห็นพี่ก้อยเพิ่งไป เลยให้พี่ก้อยตามดูพี่พงษ์ให้หน่อย หนิง จะรอทีมก่อน เอาให้แน่ว่าไม่หลงทาง รอไม่นาน ทีมก็มา พร้อมบิลลี่ จากนี้ ก็ไม่มีใครหลงทางแน่ๆ สบายใจดังนั้น ก็เหยียบคันเร่งไปประกบหนุ่มๆ ถามว่าเอาอะไรไหม หนุ่มๆส่ายหน้า หนิงเลยบอก ขอไปดูพี่พงษ์หน่อย ว่าแล้วหนิงก็ฮ้อรถไปดูพี่พงษ์ พี่พงษ์ ปั่นห่างมาไกลพอสมควร มีฝรั่งปั่นมาด้วย อย่างน้อยๆ ก็ไม่เปลื่องแรงปั่นคนเดียว มีคนช่วยกันผลัด ก็ยังดี พี่พงษ์ไม่ต้องการอะไรพิเศษเหมือนกัน หนิงเลยขอรอหนุ่มทีมใหญ่ พี่พงษ์ขอจะรอกลุ่มด้วย หนิงเลยบอกว่าอีกไกล พี่พงษ์ไปก่อนเถอะ หนิงอยากให้พี่ปั่นตามกำลังตัวเองที่มี เอาไว้ไป touringกัน จะให้พี่พงษ์รอน้องๆซะให้เข็ด

ตอนนั้นจัดหาที่ทางสวยๆให้พี่บันดาลถ่ายรูป ถ่ายรอทีมกันไป ถ่ายคนโน้น คนนี้

ช่วงนั้นมองเห็นเค้าของหยาดฝนที่จะโปรยลงมาล้างเหงื่อพวกพี่แล้ว พวกพี่ปั่นมาถึงผ่านอ่างเก็บน้ำ สมาชิกยังครบครันรวมทั้งบิลลี่ด้วย หลังถ่ายช๊อตนี้ ได้จัดน้ำให้พี่ๆ ก่อนจะบอกลาไปดูพี่พงษ์ต่อ

ช่วงนี้เองที่เม็ดฝนเทกระหน่ำ แต่ก็๋ยังเห็นนักแข่งปั่นกันอย่างไม่ท้อถอย มากันขนาดนี้แล้ว และสำหรับพวกที่มาไกลๆแล้ว ยิ่งต้องจบstageนี้ให้ได้

หนิงบึ่งรถมุ่งหน้าหาพี่พงษ์ จังหวะเดียวกัน ที่พี่บันดาลอยากไปถ่ายช่วงเขา เลยติดต่อพี่ก้อย หนิงเจอพี่พงษ์ มากับฝรั่งคนนึง แต่แล้ว กลับกลายเป็นว่าเห็นพี่พงษ์ ปั่นตามรถตู้แทน ด้วยความเร็วอย่างนี้ หนิงยังคงจัดน้ำให้พี่พงษ์ไม่ได้ เลยตัดสินใจขับไปดัก พร้อมทั้ง drop พี่บันดาลด้วย แต่ช่วงที่จะสวนกลับมาดักพี่พงษ์ พี่พงษ์ก็ปั่นผ่านไป ตอนนั้น เลยโทรบอกให้พี่บันดาล สละน้ำที่มีอยู่ เป็นการช่วยพี่พงษ์ ว่าแล้ว หนิงก็สวนกลับไปหาทีมที่ตามหลัง หนิงไปเจอ น้องๆ marshall คอยบอกทาง หนิงตัดสินใจดักแถวนั้น ไม่นาน พี่marshall ก็บิดมอร์ไซค์มา พี่เขาบอกว่าทีมการบินไทยกำลังมา ไม่ต้องห่วง ดูแลมาตลอดทาง แต่ด้วยความใจร้อน เลยขอบึ่งไปดูหน่อย ไม่ถึงอึดใจก็เห็นพี่ๆมา
หนิงต้องกลับรถไปทางเดิมอีกครั้ง ตอนนั้นเลยต้องใช้บริการ marshall อีกครั้ง จัดการฝากน้ำไปให้พี่ พร้อมน้ำกระป๋องให้ ฝรั่งที่ปั่นมากับทีม แต่เอ คุณบิลลี่ไปไหน แต่คำถามไม่คาใจ เพราะ บิลลี่มีภรรยามาดูแลแล้ว หนิงจัดการขับตะลุย ผ่านพี่บันดาลไป หนิงบอกเดี๋ยวมารับ หนิงเจอพี่พงษ์อีกครั้ง แต่ก็ให้น้ำไม่ได้ เพราะเป็นทางที่พี่พงษ์สามารถทำความเร็วได้อยู่ หนิงตามไป จนกระทั่งถึงทางขึ้นเขาใหญ่ จังหวะนี้พี่พงษ์เริ่มช้าเนื่องจากทางเริ่มเป็นเนิน พี่พงษ์จอดเติมน้ำ ก่อนจะบอกว่าโอเค สบายมาก ดูแลกลุ่มเถอะ ว่าแล้วพี่พงษ์ก็ปั่นขึ้นเนิน จากไป

กลับมาที่กลุ่ม หนิงตัดสินใจหยุดรอ หลังจากผ่านด่าน เพราะถ้ากลับไปจะเสียเวลามาก ในจังหวะเดียวกัน พี่บันดาลก็โทรมาบอกว่า ไม่ต้องมารับนะ ติดรถชาวบ้านมาแล้ว ไม่ทันไร ก็เห็นพี่บันดาลเดินด๊อกแด๊กมา
พี่บันดาลไม่สร้างความผิดหวังให้น้องเลย เพราะในขณะที่น้องทำหน้าที่พี่บันดาลก็ยินดีที่จะปฏิบัติตนดีมาก

ช่วงนั้น กลุ่มก็มาถึงพอดีกัน แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พี่บี๋จอดจักรยานแล้วบอกว่า ‘ไม่ปั่นแล้ว ฉันปั่นมามากพอแล้ว’ งงครับท่าน มามุกไหนวะเนี้ย แต่พี่แกเอาจริง ไม่ว่าเปล่า พี่แกจัดการถอดล้อหน้า เราเลยต้องช่วยกันเก็บรถ ว่าแล้วพี่บี๋ก็โดดขึ้นนั่งบนรถ นั่งเอี้ยมเฟี้ยมหลังรถ ส่วนพี่พรุน กับพี่เอี๊ยดยังคงปั่นต่อไปอย่างไม่ลดละ วันนี้พี่เอี๊ยดจะเอาคืนหลังจากเมื่อวานพลาดท่าไป
ข้างหลังรถพี่บี๋นั่งเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนกางเกงเรียบร้อย หนิงถามพี่บี๋ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ษี๋บอกว่า ‘บิลลี่ยังไม่ปั่นเลย แล้วเราจะปั่นทำไม’ อะ บิลลี่เลิกปั่น แต่เอพี่บี๋ไปเกี่ยวอะไรด้วย ถามอีก พี่บี๋ก็พูดเหมือนเดิม คล้ายกับว่า การปั่นหนักทำให้สมองพี่บี๋ error พุดเป็นอยู่อย่างเดียว สักพัก หลังจากนั่งสบายๆได้แอร์เย็นๆในรถ พี่บี๋เริ่มมองไปดูพี่พรุน กับพี่เอี๊ยดที่ยังตั้งหน้าตั้งตาปั่นอยู่ข้างหน้า แล้วก้พึมพำว่า ‘นิดเดียวเองนี้’ เสียดายว่างั้นเถอะ หนิงถาม ลงไปปั่นไหม ‘ไม่ เปลี่ยนเสื้อแล้ว’ นี้ยังมีข้ออ้าง ถึงงั้น หนิงก็เชื่อว่าพี่บี๋เสียดายอยู่ลึกๆ พี่บี๋เองมักจะซ้อมกับพี่พรุน ดังนั้น ระยะขนาดวันนี้ พี่บี๋อ้างว่า ไม่เคยซ้อมถึง แต่ในขณะเดียวกันที่เห็นพี่พรุนปั่นได้ พี่บี๋คงเชื่อว่าตัวเองก็คงจะปั่นได้ และพี่บี๋เองก็ไม่ได้มีตาโทรหาแบบพี่เอี๊ยดด้วย เอาเป็นว่าปีหน้านะพี่

ช่วงนี้หนิงไม่รู้เลยว่าพี่พงษ์เป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าขึ้นเขาคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงแน่ๆ พี่พงษ์จัดเป็นขาแรงสำหรับนักปั่นการบินไทย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงเลย

ส่วนพี่พรุน พี่เอี๊ยด ยังคงปั่นกันอยู่ พี่ๆเริ่มทันพวกที่ขึ้นเขาไปก่อน บางคนเดิน บางคนหยุดยืนทำใจ

จะบอกว่าการปั่นขึ้นเขาไม่ง่ายเลย เพราะต้องพร้อมทั้งรถและกำลัง หมายถึงต้องมีการใช้อย่างสัมพันธ์กันทั้งกำลังและการใช้รถ พูดให้เข้าใจก็ใช้สมอง กับแรงไปพร้อมๆกัน

แต่พี่ๆ ก็สามารถผ่านมาได้ หนิงขึ้นไปดักที่จุดชมวิว พี่ก้อยลงมาสมทบยังจุดนี้ พี่บันดาลเลยขอเปลี่ยนรถไปกับพี่ก้อย มีพี่บี๋นั่งไปกับหนิงแทน ตลอดทาง พี่บี๋พึมพำเสียดายอยู่หลายครั้ง แต่ก็ปลอบใจตัวเองโดยยกบิลลี่เป็นเหตุ เสียงพี่บี๋ปอกไข่ต้ม มือก็ปอก ปากก็พร่ำอยากเชยชมเนื้อไข่ว่าอร่อยแค่ไหน ไม่พอ ยังค้นคุ้ยหาซอสแม็กกี้อีก เชื่อแล้วว่าการปั่นจักรยานเกินระยะสามารถทำให้สมองได้รับความกระทบกระเทือนขนาดนี้

จะว่าไป หนิงเชื่อว่าพี่บี๋เองก็เสียดาย ทั้งที่ยังมีแรง แต่ไม่เป็นไร ถ้าปีหน้าพี่บี๋ลงอีก หนิงก็เชื่อว่าพี่บี๋จะต้องปั่นจนครบระยะแน่นอน

พี่ๆปั่นผ่านที่ทำการเขาใหญ่ อีกไม่ไกลแล้ว หนิงประกบติดพี่เอี๊ยด เผื่อว่าตะคริวจะถามหาอีก พี่เอ๊ียด ไม่ย่อท้อ ยังคงปั่น กด ทีบ จักรยานสุดชีวิต ในที่สุด เส้นชัยก็อยู่ข้างหน้า วันนี้พี่เอี๊ยดสามารถชนะใจตัวเองได้สำเร็จ หลังจากพี่เอี๊ยดอดเหล้า เคล้านารี มาหลายเดือนก่อนหน้านี้เพื่อที่จะซ้อมหนัก เพื่องานนี้โดยเฉพาะ

ไปถึง พี่ๆนั่งคอย หนิงจัดแจงหาน้ำหาท่า ช่วยกันเก็บจักรยาน พี่ก้อยบอกว่าอาหารกล่องมาแล้ว พี่ๆบอกไปทานที่โรงแรมเถอะ เราเอาอาหารกล่องขึ้นรถ ดีที่ตัดสินใจลงไปทานที่โรงแรม เพราะไม่มีช้อน ตอนนั้นบ่าย 2โมงเข้าไปแล้ว พี่บี๋ พี่พงษ์ ขึ้นรถหนิง ส่วนคนอื่นๆ ไปกับพี่ก้อย รถจักรยานพี่พงษ์ใช้บริการ Black Group เรานั่งคุยกันในรถ พลางหยิบขนมมากิน เพราะหลังแข่ง พี่ๆคงหิวแน่ๆ หนิงเลยจัดขนมขบเคี้ยวมาให้กินแกเซ็งพลางๆ เราคุยกันถึงเรื่องแข่งวันนี้ พลางพี่พงษ์ก็หยิบไปเจอไข่ต้มที่ปอกแล้ว หนิงบอก ทานเลยพี่ ต้มมาให้กิน ฝีมือพี่บี๋ปอก ตอนแรก พี่ๆเกรงใจคนปอก หนิงบอก กินไปเถอะ ว่าแล้ว พี่พรุน กับพี่พงษ์ ก็เอาแม็กกี้ เหยาะหน่อยๆ อร่อยถึงใจ

หนิงซิ่งรถลงเขาใหญ่ นึกๆว่าเวลาเราปั่นร่อนลงมา มันช่างสนุกอะไรอย่างนี้ หนิงซิ่งจนถึงโรงแรม พี่ๆรีบขึ้นห้อง อาบน้ำ อาบท่า ทานข้าวตามลำดับ มีเสียงพี่บี๋ถามหาไข่ที่หายไป2ฟอง แอบบ่นว่าปอก แต่ได้ทานทีหลัง พี่ชั้นก็ดีใจหาย ปอกสัปะรดและแช่เย็นให้เรียบร้อย
คืนนั้น พี่ๆนวดคลายเส้นตามลำดับ พี่ก้อยกับหนิงก็เหมือนเคย ไปเดินเตร่ในมื้อค่ำเพื่อใคร ต้องการความช่วยเหลือด้านภาษา คืนนั้นจัดเครื่องดื่มเตรียมให้พี่ๆ เพราะเหลือศึกอีกแค่วันเดียวแล้ว เจอพ่อใหญ่อีกครั้งที่งานเลี้ยง พ่อใหญ่บอกวันนี้โหดจริงๆ ถ้าให้แข่งปีหน้าก็ขอคิดอีกที


Stage 5 กบินทรบุรี์-อุทยานทับลาน - กบินทร์บุรี

Stage นี้จะว่าง่ายก็ง่าย ยากก็ยาก ที่ว่าอย่างนี้เพราะจะเป็น ทางราบ มีเขาช่วงกลาง แล้วลงมาทางราบอีก ที่ว่าง่ายเพราะสำหรับคนที่ฟิตมาดี ก็จะสามารถตามกลุ่มได้ทันไม่มีปัญหา ที่ว่าเพราะ เส้นทางจะผ่านตำลบเล็ก และมีการเปลี่ยนเส้นทางไปมา ถ้าหลุดกลุ่ม ก็หลงทางเท่านั้นเอง

สำหรับพวกมีอันดับ ก็แป๊ะกันไว้ดีๆ อย่าได้หลุด ส่วนพวกที่อยากได้อันดับประจำวัน ก็รีบหนีกันออกมาก่อน ตอนเช้า หนิงพี่ก้อย พี่บันดาล และJennyจะนั่งรถไปด้วยกัน เพราะดูและวิเคราะห์ กันแล้วน่าจะไม่มีปัญหา เราไปจอดรถเตรียมตัวที่เดิม เจอหนึ่งทีมสเปฯทุกวัน จนเหมือนเหตุการณ์ซ้ำๆ หนิงทำหน้าที่ผจก เดินไปจัดหาน้ำแข็งเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ผ่านไปพบผจกทีม K45 พี่กุ้งพระรามเก้า ได้ยินพี่กุ้ง brief ลูกทีมสำหรับจุดที่จะถึงเส้นชัย ดูพี่กุ้งจริงจังมาก ประมาณ ‘กูบอกมึงแล้ว มาผิดที่ ผิดทาทาง มึงตาย’( อันนี้คืออารมณ์ เนื้อหาจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างนี้นะ) หนิงเดินคิดในใจ ‘อุวะ เอากันงี้เลยเหรอ เห็นที ต้องมี brief กันหน่อยแล้ว’ แต่พอเดินกลับมาที่ทีม เอาเถอะ ปั่นมาพร้อมกลุ่มก็เจ๋งแล้ว ว่าแล้วก็จัดการแช่น้ำ จัดน้ำกันไป

สำหรับสาวที่มาแข่งวันนี้ บางคนยังมีร่องรอยแผลจากวันก่อน แต่ก็ยังมาร่วมแข่งจนครบ4วัน สำหรับปีนี้ สาวไทยสามารถคว้าแชมป์มาได้สำเร็จ หลังจากหลายปีมาแล้ว สาวจากสิงค์โปร์คว้าแชมป์ตลอด

วันนี้น้องที่ทำklip videoมาขอให้สัมภาษณ์นักแข่ง จัดไป

หลังออกตัวไปแล้ว กลุ่ม 40 ล่วงหน้าไปก่อน หนิงขับตาม เส้นทางวันนี้ได้ยินมาว่าได้ทำการซ่อมแซม ผิวถนนให้ราบเรียบ ดีต่อจักรยานทั้งหลาย ผ่านหลายแยก ก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ยืนกั้นอย่างดี ไม่มีหลงแน่ๆ เราขับกันมาจนทันรุ่น 40 พี่ก้อย นับหัว อยู่ครบกันดี ผ่านหมู่บ้านไปหลายแห่ง ก็ยังอยู่ดี จนในที่สุด ออกถนนใหญ่ เลี้ยวขวามุ่งหน้านครราชสีมา เป็นเส้นเดียวกับเมื่อวาน นักแข่งจะปั่นขึ้นเขาไปหน่อย แล้ว u-turnลงมา ตอนแรกก็ห่วงพี่ๆ กลัวว่าช้ำจากเมื่อวานแล้วจะแย่ หนิงตัดสินใจดักรอขาลง รุ่น30ลงมาก่อน ไม่นานัก 40 ก็ตามมา พี่ก้อยยังนับว่าอยู่ครบ จากนี้ไป ก็แค่แปะกลุ่มไปเรื่อยๆก็จบ หนิงตัดสินใจขับนำหน้าไปก่อน เราแวะทำธุระที่ปั๊ม ก่อนจะมาเจอรุ่น 40อีกครั้ง คราวนี้หนิงกะจะไปดัก แต่ปัญหาเริ่มเกิด เมื่อพี่ก้อยบอกให้เลี้ยวขวา กลับไปทางเดิม แต่หนิงได้ยินว่าเค้าเปลี่ยนเส้นทางเป็นตรงไป เถียงกันจนที่สุด เห็นรุ่น30 ผ่านไปคัน พร้อม marshall ตรงไป นั้นไง ตรงไป แต่เราต้องแวะเก็บป้ายนะ เราเลี้ยวขวาเข้าไปเก็บป้ายเล็กน้อย ก่อนที่จะมาเก็บป้ายสุดท้าย ที่ให้เลี้ยวขวา เราเห็น กลุ่มนำรุ่น 40 4คนปั่นตรงไปพร้อมตำรวจนำ และ marshall เรามั่นใจมาก เราเก็บป้ายทุกอัน แล้วขับผ่านแยกตรงไปกบินทร์เลย ทันใดนั้น เราก็มาเจอกลุ่มนำ40 4 คน โดยไม่เจอกลุ่มตามเลย นั้นไงงาน เข้า กลุ่มใหญ่หลงทางว่ะ ว่าแล้ว เราก็ขับประกบ marshall บอกเขาว่ากลุ่มใหญ่เลี้ยวขวากลับไปทางเดิม ใครหลงวะเนี้ย สงสัยไม่นานเลยโทรถามพี่เปื๊อก 1 ในผู้จัด พี่เป์๊อกบอกว่าต้องเลี้ยวขวาเข้ามา เอาแล้วไง ไอ้ 4 คนนี้หลง ‘กูด้วย’ ตอนนั้นไม่ได้สนเรื่องไอ้ 4คนนี้เท่าไหร่ ห่วงแต่ว่า พี่ๆกูละ ล้มขึ้นมา ซวยแน่ ตอนนั้น ก็ภาวนาว่าอย่ามีเหตุเลย เพราะให้วนกลับ ก็ไปไม่ถูก เลยตามไอ้4คนนี้กลับไปรอที่ finish ดีกว่า ว่าแล้ว ก็ตียาวแบบไม่สนใจใคร จนถึงเส้นชัยพอดี ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รุ่น Open กำลัง sprint เข้าเส้นพอดี งานนี้เริ่มมีปัญหาแล้ว เรื่องเส้นทาง เพราะไอ้หนุ่ม 2คนที่sprintมาก่อน u turn ผิดที่ งานเข้า…

แล้วเราก็รอพี่ๆดีกว่า ไม่นานนักหลังจอดรถ พี่ๆก็มาพร้อมกลุ่ม สอบถาม ไม่มีอุบัติเหตุระหว่างทาง เอาละโว้ย งานใกล้จบแล้วกู กำลังเพลินบนเกาะกลาง รอให้รุ่น 40 u turn กลับ ก็ได้ยินคนตะโกนเรียก ‘หนิง ฉันยางแตก’ หันไป ชิหาย พี่พรุนมาทำไรตรงนี้วะ ก็กลุ่มเขาไปแล้ว ออยางแตก ว่าแล้ว หนิงก็โกยตีนหมาวิ่งไปเอารถ กลับรถ บึ่งไปหาพี่พรุน มีพี่บันดาล ดักโบกจะไปด้วย เอาไปก็ไป หนิงบึ่งจนทันพี่พรุน ถามว่าจะเปลี่ยนล้อไหม พี่พรุนบอกเปลี่ยน หนิงรีบขอโทษ ขอโพย บอกว่าหลงทางเลยไม่ได้ตามเข้าไป เปลี่ยนเสร็จ หนิงถามพี่พรุนว่าให้ดันไหม พี่พรุนรับ หนิงเลยบอกให้พี่บันดาลดันให้หน่อย พี่บันดาลเปิดหน้าต่าง หนิงลดความเร็วให้เท่าพี่พรุน พี่บันดาลยื่นมืออกไป แล้วหันมาบอกว่า ‘ไม่ถึงวะ’ อะไรกันเนี้ย ‘ พี่ก็โหนตัวออกไปดิ’ ผู้จัดการจอมโหดออกคำสั่ง พี่บันดาลทำตามทันที โผล่ตัว มือเอื้อมไปดันหลักอานพี่พรุน คราวนี้เราจะดันไปให้ทันกลุ่มเลย แต่เอ๊ะ นั้นกลุ่มสวนมาแล้ว เสียงพี่พรุนบอกให้ปล่อย กลัวเขาจะหาว่าโกง เสียชื่อการบินไทย หนิงเลยบอกว่าเขาอนุญาต ถามกรรมการมาแล้ว

พี่พรุนยอมให้ดันต่อ จน เรา u turnกลับ ก็ไม่มีวี่แวว ของกลุ่มหน้าเลย สักพักพี่พรุนขอให้ขับนำ แล้วพี่พรุน draft ดีกว่า เป็นอันตกลง พอพี่บันดาลกลับเข้ามาในรถ หนิงสารภาพกับพี่บันดาลว่า ไม่เคยขับรถแล้วให้คนดันจักรยานมาก่อน นี้ครั้งแรก พี่บันดาลก็สารภาพเช่นกันว่า ไม่เคยโหนตัวแล้วดันจักรยานใครมาก่อนเช่นกัน และในภายหลัง พี่พรุน ก็สารภาพ ว่าไม่เคยมีใครมาดันก้น อย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน สรุปแล้วเรา 3 คนเจ๊ากัน เพราะต่างก็ครั้งแรกของกันและกัน

ในที่สุดเราก็มาส่งพี่พรุนที่หน้าเส้น ก่อนที่จะขับรถ fade ออกมา ตอนนี้ ปัญหาเรื่องหลงทางทวีคูณ นอกจากรุ่น openแล้ว รุ่น 40 ก็มีปัญหา เรื่องหลงตั้งแต่แรก งานนี้นอกเหนือ หนิงกะพี่ก้อยจะจัดการ แต่ถ้าให้ช่วยเป็นล่ามก็พอไหว แต่เมื่อพี่ๆในทีมพร้อมกลับ หนิงเลือกที่จะserviceทีมก่อน เลยไม่ได้ช่วยกรรมการซักเท่าไหร่

เรากลับมาโรงแรม เพราะเราขอ late check out. หนุ่มๆ อาบน้ำทานข้าว เก็บของกลับบ้าน พี่พงษ์มีพี่ปุ๊กมารับกลับบ้าน
ก่อนถึงบ้านพวกเราแวะนั่งคุย กินขนมเล่นที่ Cup of Tree เป็นการปิดท้ายงานนี้

งานนี้หนิงถือว่าสำเร็จในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถ้วยอะไร แต่เราก็แสดงตนให้เห็นการเล่นกีฬาแบบมีน้ำใจ และซื่อตรง เราพร้อมจะเล่นในกติกาทุกอย่าง ทั้งที่บางทีมก็มีตุกติกกันไป แต่สำหรับทีมเรา ในสายตาทีมอื่นๆและ Marshall ก็ชื่นชมพวกเราในการแข่งขันครั้งนี้

หลังจากผ่านการเป็นผู้จัดการมาแล้ว ยังมีเรื่องเอกสารที่จะต้องทำ ทั้งรายงานให้พี่วีประธานชมรม และ จัดทำหนังสือของบ สนับสนุนจาก สมาคมลูกเรือ

สำหรับหนุ่มๆการบินไทย หนิงขอปรบมือให้ดังๆ ในการแข่งครั้งนี้ ถึงแม้เราจะไม่ได้รางวัล แต่การที่เราร่วมแข่ง และสามารถจบการแข่งขันทุก stage มันบ่งบอกว่าทีมเราไม่ได้เป็นรองใคร ทั้งนี้
พี่ๆลูกเรือ กินนอนไม่เหมือนคนปรกติ เรามาได้แค่นี้เรียกว่าเจ๋งสุดๆแล้วคะ

ถ้าให้ประเมินตัวเอง ก็ยังคิดว่ายังไม่เต็มที่ เพราะ ไปรับงานนอกมา เลยไม่เต็มที่ และยังไม่เคยให้พี่ประเมินตัวเองเลย แต่ถึงยังไงก็ตาม ถ้ามีโอกาสก็จะทำอีก เพราะสนุก ถึงแม้ไม่ได้แข่งเองก็ตามที แล้วพบกันใหม่คะ

เรื่อง นางฟ้า
ภาพ นางฟ้าและกัปตันบันดาล

4 ความคิดเห็น:

  1. รูปสวยมาก ท่าส่งนำดูดีเชียว

    ตอบลบ
  2. อยากใส่รูปอีก แต่ว่ากว่าจะโหลดรูปเสร็จใช้เวลา 2วัน เลยไม่เอาแล้ว เหนื่อย

    ตอบลบ
  3. อ่านแล้วยังคิดถึงวันนั้นอยู่เลย ขอบคุณนะหนิง ทุกอย่างเลย ปีหน้าเอาใหม่มั๊ย
    มีคนเห็นทีมเราเป็นแรงบันดาลใจเยอะเลย ;-> ภูมิใจ!
    บี๋เอง

    ตอบลบ
  4. เรียนพี่ๆให้ทราบ ปีหน้าหนิงโอเค ถ้าพี่ๆโอเค เดี๋ยวจัดให้คะ

    ตอบลบ